คลัง-ก.ล.ต.-ตลท.จับมือเข็นมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ปรับเงื่อนไข ThaiESG-เล็งฟื้นกองทุนวายุภักษ์ – ThaiPublica

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
Source: คลัง-ก.ล.ต.-ตลท.จับมือเข็นมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน ปรับเงื่อนไข ThaiESG-เล็งฟื้นกองทุนวายุภักษ์ – ThaiPublica

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 17.00 – 18.00 น. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)และนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ร่วมกันแถลงข่าว “การขับเคลื่อนตลาดทุน” ภายใต้หัวข้อความท้าทายสู่โอกาส:การขับเคลื่อนตลาดทุน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดการแถลงข่าวโดยกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ร่วมมือกันอย่างแท้จริง กระทรวงการคลังมาร่วมครบทั้งรัฐมนตรีช่วยทั้งสองคนที่เป็นห่วงและกังวล นับเป็นการผนึกกำลัง รวมทั้งยังมีอธิบดีกรมสรรพากรที่อยู่เบื้องหลังช่วยผลักดัน และยังมีทั้งผู้กำกับกัและผู้ที่ดูแลการลงทุนและการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

รัฐบาลเร่งงบดันเศรษฐกิจโตหนุนตลาดหุ้น

นายพิชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมา SET Index ปรับลดลงตามผลประกอบการ โดยช่วงสองปีที่ผ่านมาได้มีการจับตาว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,800 จุดหรือไม่ แต่ในช่วงนั้นก็ต้องยอมรับว่าผลการดำเนินงาน(performance)ของหุ้นไม่สามารถตอบสนองได้ อีกทั้งไทยเพิ่งผ่านสถานการณ์หลายอย่าง ทั้งการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) เงินเฟ้อทั่วโลกและของไทยเพิ่มสูงขึ้น และอ่อนตัวลงเมื่อเร็วๆนี้ อัตราดอกเบี้ยก็สูง ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ก็ถือว่าทั้งหมด โดยเฉพาะสำหรับ SME รายย่อยและมีผลกระทบมาที่รายกลางและรายใหญ่

เศรษฐกิจไทยย้อนหลัง 5 ปีเฉลี่ยโต 0.4% ย้อนหลังไปก่อนหน้านั้นแค่ 3% ยกเว้นปี 2547 ที่ได้เห็น 4.8% โดยพื้นฐานเศรษฐกิจไม่จะอ่อนตัวลงอย่างไรก็ก็ไม่ควรต่ำกว่า 3.5% เป็นการต่ำและต่ำนาน และค่อยลดลง ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่าง

“วันนี้ได้เวลาที่ สถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้น GDP ปีที่แล้วแค่ 1.9% ในปีนี้ไตรมาสแรกโต 1.5% เหตุผลก็คืองบประมาณภาครัฐยังไม่ได้ลงไป และมาเสร็จในเดือนเมษายน งบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะงบประมาณลงทุนมีผลต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก แม้จำนวนจะไม่เยอะเมื่อเทียบกับภาคเอกชน เพราะเป็นการลงทั่วถึงทุกจังหวัด ถึงมือ SME เป็นส่วนใหญ่ โครงการเหล่านั้นจะมีผลอย่างมาก และเราก็เชื่อว่างบทั้งปีของรัฐบาล 2567 ที่จะเหลืออีก 5 เดือนหลังจากเมษายน สามารถที่จะผลักดันให้กลับไปใช้งบลงทุนทั้งหมดให้ทันภายในกันยายน คิดว่าอย่างน้อยไม่น้อยกว่าเฉลี่ยในปีที่ผ่านๆมา” นายพิชัยกล่าวและว่า การลงทุนภาครัฐเชื่อว่าการว่าจ้างมีการเซ็นสัญญญาเพื่อเริ่มงานแล้ว คาดว่าจะได้ตามเป้า

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ด้านการท่องเที่ยวเติบโตสูงมากขึ้นมาปีละหลายสิบเปอร์เซ็นต์ใน 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่เดือนนี้เติบโตขึ้นมาเป็น 28 ล้านคนแล้ว ก่อนโควิด 39 ล้านคน คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีจำนวน 35 ล้านคน หมายความว่า ยังมีช่องที่ปรับปรุงหากใส่มาตรการเข้าไป ทุกๆ 1 ล้านคนจะมีความหมายต่อเศรษฐกิจ

นายพิชัยกล่าวว่า การท่องเที่ยวดีมาก จากเดิมที่นักท่องเที่ยวมักเข้ามาในช่วงหน้าหนาวของประเทศตนเอง แต่ปัจจุบันสถานการณ์โลกร้อน ทำให้หนีร้อนมาที่ร้อนน้อยกว่า ได้แก่ จากตะวันออกกลางที่มีจำนวนมากขึ้น ก็คิดว่าการท่องเที่ยวก็ผลักดันได้ดีอีกปัจจัยหนึ่ง ตัวชี้วัดอีกตัวหนึ่งคือ การส่งออกซึ่งมีผลต่อการบริโภคค่อนข้างสูง การส่งออกตกลงต่อเนื่องมาจนถึงปีที่แล้ว แต่ค่อยฟื้นตัวเป็นบวกขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเป็นสัญญานที่ดี โดยเฉพาะพืชผลเกษตรที่ประสบภัยแล้งปริมาณน้อย แต่ราคายังดี ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินบาท การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ในปีนี้คาดว่า GDP จะเติบโต 2.4% แต่อาจจะเร่งขึ้นไปในระดับใกล้ 3% และในปีหน้าจากการที่คาดการณ์ 4 ปีในกรณีฐานจะอยู่ที่ 3% กว่า

นายพิชัยกล่าวถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นว่า ดัชนี SET และ Forward EPS เริ่มดีขึ้นและยังเกาะกลุ่มกันอยู่ “วันนี้ดัชนีเกิน 1,300 ซึ่งก็ดีใจและมีกำลังใจเล็กน้อย”

ตอนที่ดัชนีอยู่ที่ 1,500-1,600 มีคำถามว่าระดับนี้เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานแล้วเป็นอย่างไร หุ้นแพงหรือไม่ PE สูงไปไหม คำตอบก็คือใกล้เคียง แต่เป็นช่วงเวลานั้น เมื่อเทียบรายปีรายงานกำไร ไตรมาส 1 ปีนี้ ของบริษัทจดทะเบียนไทยโตขึ้น 1.7% แต่กำไรของบจ. ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โตถึง 29% “จะเห็นความแตกต่างว่าธุรกิจในไทยเริ่มแบ่งออกเป็นเซ็กเตอร์ว่าเซ็กเตอร์ไหนที่น่าสนใจ”

“สิ่งที่รัฐบาลพยายามผลักดัน วิธีที่จะแก้ปัญหา คือ กลับมามองที่ภาคการเกษตรโดยปกติจะะมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจประมาณ 10-11% แม้มีพื้นที่เพาะปลูกถึง 300 กว่าล้านไร่ ถ้าทำสำเร็จก็จะมีส่วนที่มีผลค่อนข้างสูง สิ่งที่จะทำแบบเดิมคือ ด้านผลิตภาพ ปรับปรุงคุณภาพดิน น้ำไม่ให้แล้งไม่ให้ท่วม ปรับปรุงพันธุ์ นอกจากนี้มีศักยภาพในด้านไบโอ ซึ่งถ้าทำให้ก็จะมีส่วนเพิ่มในเศรษฐกิจ” นายพิชัยกล่าว

“ผมคิดว่าจังหวะนี้ 1,300 อธิบายได้ดีมาก เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ เศรษฐกิจเป็นสิ่งที่เราเริ่มทำอย่างเข้มแข็ง นอกเหนือจากท่องเที่ยว wellness แล้ว ก็ยังมีนโยบายสำคัญอีกสองเรื่อง คือ รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งต้องยอมเจ็บตัวในช่วง2-3 ปีนี้ ถ้าจะให้รถEV เกิดซึ่งต้องชักชวนนักลงทุนเข้ามา ถ้าชวนมาในช่วงที่ economies of scale ยังไม่ถึง ก็ต้องไม่เก็บภาษี หรือแม้ต้องให้การช่วยเหลือ แต่ระยะหนึ่งการช่วยก็จะค่อยๆหายไป ต้นทุนการผลิตถูกลงมาก ยกตัวอย่าง แบตเตอรีลดลงครึ่งหนึ่ง หมายความว่าโอกาสที่จะช่วยก็คงอีกไม่นาน และเมือได้ economies of scale องค์ประกอบก็จะดีขึ้นในระดับหนึ่ง

อีกกลุ่มหนึ่งคือ อิเลกทรอนิคส์ ซึ่งไทยเคยส่งออกเยอะ ซึ่งงบประมาณที่ได้ 5,000 ล้านบาท แม้จะไม่มากเท่ามาเลเซีย แต่เป็นการเริ่มเจรจา เปิดการเจรจา นักลงทุนต้องการกระจายฐานไม่ต้องการอยู่ที่เดียว โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้อง data base และต้องการพลังงานสีเขียว

“แนวโน้มนี้เราก็มีความหวังที่จะกลับไปอยู่ที่ 5% หลายอย่างก็จะได้รับการแก้ไขปัญหา และเป็นจังหวะเวลาสำคัญ และต้องมีกลไกในการขับเคลื่อนมาตรการ” นายพิชัยกล่าว และได้ส่งต่อการแถลงข่าวให้กับ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายภากร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นว่า Earnings per Share(EPS) กับดัชนีไปด้วยกันค่อนข้างมาก EPS เริ่มปรับขึ้นแต่ดัชนียังไม่ขยับตามขึ้น เมื่อดูรายเซ็กเตอร์ จะได้กว่ามีการฟื้นตัวครั้งนี้แตกต่างกว่าทุกครั้ง เพราะมีบางเซ็กเตอร์ฟื้นแล้ว บางเซ็กเตอร์ยังไม่ฟื้น เซ็กเตอร์ที่เกี่ยวกับการบริโภคเอกเชน การส่งออก เฮลธ์แคร์ การท่องเที่ยว เริ่มมีการฟื้นตัวแล้ว ส่วนเซ็กเตอร์ที่ยังไม่ฟื้นตัว คือ พลังงาน การเงิน ซึ่งเป็นเซ็กเตอร์ที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจ แต่กลุ่มนักวิเคราะห์ได้ให้ความเห็นในเชิงบวกคาดว่าจะดีขึ้นกว่าปกติในเซ็กเกอร์สำคัญ เช่น พลังงาน แต่บางเซ็กเตอร์ยังไม่พื้นตัวเร็ว

เมื่อเทียบกับอดีต Price Earnings Ratio (P/E Ratio) อัตราส่วนระหว่างราคากับรายได้ของบริษัท ปัจจุบันค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา “นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมองว่า เป็นเวลาที่เหมาะสมที่นักลงทุนจะพิจารณาดูข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในแต่ละเซ็กเตอร์ ว่าสมควรจะกลับเข้ามาลงทุนหรือไม่”

ปรับเงื่อนไข ThaiESG

นายพิชัยกล่าวว่า จะเห็นได้ว่าราคาหุ้นบางเซ็กเตอร์ต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ อะไรที่จะขับเคลื่อนได้อีก ที่จะทำให้นักลงทุนหันกลับมาสนใจด้วยเงื่อนไขอะไร จากนั้นได้ให้ นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นผู้ให้ข้อมูล

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวว่า วันนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของ 3 หน่วยงาน โดยสิ่งที่ทั้ง 3 หน่วยงานพยายามชี้ให้เห็นคือ สิ่งที่เป็นโอกาสมาพร้อมกับอะไรบ้าง สำนักงานก.ล.ต. อยากเห็นการออมภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่ financial wellbeing ซึ่งเป็นโจทย์ที่สำคัญของตลาดทุน และต้องการเห็นการเข้าถึงตลาดทุน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในเชิงภาษี เช่น กองทุน LTF ที่หมดไปแล้ว กองทุน SSF ที่จะยุติในปีนี้ รวมไปถึงกองทุนล่าสุด ThaiESG

นางพรอนงค์กล่าวว่า กองทุน ThaiESG เปิดขายในปีที่แล้ว นอกจากจะดึงเงินได้ 6,000 ล้านบาทภายในเดือนเดียวแล้ว ยังเป็นมิติใหม่ในการลงทุนที่หุ้นจะที่ลงทุนได้นั้นต้องเป็นหุ้น กลุ่ม ESG หรือ ESG Bond หรือ green token แล้ว ยังเป็นแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนที่ไม่อยู่ใน SETESG index เปิดเผยข้อมูลด้านเศรษฐกิจ/สิ่งแวดล้อม (E) อีกด้วย โดยได้เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นถึง 30% “ซึ่งนับว่าไม่ได้ให้สิทธิทางภาษีแก่ผู้ออมอย่างเดียว แต่สร้างแรงจูงใจทางอ้อมให้บริษัทจดทะเบียนลุกขึ้นมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม”

นางพรอนงค์กล่าวว่า จะมีการเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาและให้ความเห็นชอบการปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน ThaiESG เดิมลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ก็จะเพิ่มเป็น 300,000 บาท และแยกออกจากวงเงินลงทุนกองทุน RMF นอกจากนี้จะปรับระยะเวลาถือครอง 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ) จากเดิม 8 ปี

“วงเงินที่ขยายขึ้นเป็น 3 แสนบาทก็จะทำให้มีเม็ดเงิน เข้ามาในตราสารสีเขียว ไม่ว่าหุ้น หรือ ตราสารหนี้ จะทำให้ตลาดหุ้นแข็งแรงขึ้น มีเม็ดเงินมา counter balance กับ ผู้ที่สนใจลงทุนระยะสั้น แต่เม็ดเงินนี้จะลงทุนระยะยาว แต่ยาวไม่มาก ยาวที่จะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่” นางพรอนงค์กล่าวและว่า การลงทุนของ ThaiESG เดิมจะเน้นไปที่หุ้นที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยเน้นที่ E Environment แต่ต่อไปนี้จะขยายขอบเขตไปที่ G Governance ด้วย

ดังนั้นหุ้นที่จะอยู่ใน ThaiESG เดิม 128 หุ้น ก็จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณไม่ต่ำกว่า 200 หุ้นตามกรอบลงทุนนี้ แต่หุ้นที่อยู่ในข่ายนี้ได้ต้องเปิดเผยข้อมูลด้าน การกำกับกิจการที่ดี หรือ Governance เป็นแผนที่ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯจะรวมกันผลักดันให้ผู้ระดมทุน บริษัทจดทะเบียนเข้ามาร่วมในโครงการนี้

การปรับเงื่อนไขกองทุน ThaiESG จะมีผลย้อนหลังไปวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ผู้ที่เข้ากองทุน ThaiESG ในปีนี้ก็จะได้รับเงื่อนไขนี้เช่นกัน

นายพิชัยกล่าวว่า คาดว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม.ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ เนื่องจากหน่วยงานที่รับผิดชอบมีการเตรียมเรื่องไว้แล้ว

นางพรอนงค์กล่าวว่า กองทุน ThaiESG ระดมเม็ดเงินได้ราว 6 พันล้านบาทจากที่เปิดขายเพียง 1 เดือนในปีที่แล้ว แต่หลังจากการปรับเงื่อนไข ThaiESG ใหม่ในครั้งนี้ เวลาในการเปิดขายหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 เดือน จึงคาดว่าเม็ดเงินที่จะเข้ามาสู่ตลาดทุนก็จะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว

เล็งฟื้นกองทุนวายุภักษ์ใหม่

นายพิชัยกล่าวว่า มาตรการที่ออกมาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่จะเห็นคนไทยมีเงินออมนอกเหนือจากเงินฝากธนาคาร ซึ่งอันนี้เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้น และนำไปสู่คำถามที่สองคือ ออมแล้วได้ผลตอบแทน ไม่เสียหาย จึงเชื่อว่าธุรกิจในอนาคต ESG น่าจะเป็นสิ่งที่สร้างความยั่งยืน “และเราค่อนข้างมั่นใจว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาในตาดแน่นอน”

นายพิชัยกล่าวว่า กระทรวงการคลังยังมีแนวคิดที่จะจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์กองใหม่ “แต่เป็นแค่แนวคิดและเล่าให้ฟัง”

ที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์แล้ว กองทุนรวมวายุภักษ์ เป็นกองทุนเปิดจดทะเบียนใน SET แบ่งหน่วยลงทุนออกเป็น หน่วย ก ส่าหรับผู้ลงทุนทั่วไป และ หน่วย ข สำหรับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่น

ผู้ที่ถือหน่วยลงทุน ก ได้รับผลตอบแทนตามจริง โดยมีขั้นต่ำ(floor)ต่อปี และขั้นสูง(ceiling) ต่อปี หมายความว่าได้รับการประกันผลตอบแทนในระดับต่ำก่อน ในกรณีที่ผลตอบแทนไม่ถึงขั้นต่ำ ก็จะได้รับผลตอบแทนตามจริงตามลำดับขึ้น โดยที่ ผู้ที่ถือหน่วยลงทุน ก จะได้รับผลตอบแทนก่อน แต่ไม่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี

ผู้ที่ถือหน่วยลงทุน ก จะได้รับชำระคืนเงินลงทุนก่อนผู้ถือหน่วย ข ตามแนวชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็น waterfall หรือลำดับขั้น

“อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิด เพราะผมคิดว่าภาครัฐจะต้องสร้างอะไรขึ้นมา การสร้างหน่วยลงทุนเป็นการสร้างเงินออมให้กับประเทศด้วย” นายพิชัยกล่าวและว่า กองทุนรวมวายุภักษ์ในหน่วย ข ปัจจุบันมีมูลค่า 3.5 แสนล้าน “สมมติว่าผมขายหน่วย ก สัก 1-1.5 แสนล้านก็จะได้ 2 กองรวม 5 แสนล้าน”

นอกจากเหนือจาก กองทุนวายุภักษ์ที่มาเสริมสร้างกลไก การออม การลงทุนให้กับประชาชนผ่านรูปแบบการลงทุนร่วมของภาครัฐ และการมีโครงสร้างผลตอบที่มีขั้นต่ำ ขั้นสูง การกำหนดลำดับของสิทธิการได้รับผลตอบแทนที่จะรองรับกลุ่มของผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แตกต่างกันแล้ว ยังมีมีการขับเคลื่อนและผลักดันการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในลักษณะอื่น ๆ เช่น การจัดกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นเทรนด์ในอนาคต และการพัฒนา Exchange-Traded Fund (ETF) รวมทั้งบัญชีส่วนบุคคลเพื่อการลงทุนระยะยาว (Individual Saving Account) ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น

“ในเมื่อเราเลือกเซ็กเตอร์ดีแล้ว แสดงว่าเราเลือกเซ็กเตอร์ที่เหมาะกัยประเทศไทย มีการเติบโตดี ถ้าผมเป็นนักลงทุนต่างชาติ ผมก็อยากจะเข้า เพราะฉะนั้นการตั้งกองทุนในอนาคตจะตั้งได้ง่ายขึ้น” นายพิชัยกล่าว

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)

ยกระดับความเชื่อมั่น

นายพิชัยกล่าวว่า เมื่อถึงจุดนี้แล้ว จังหวะดี หากองทุนขึ้นมาเพิ่มความสนใจ คำถามต่อมา ว่านักลงทุนเชื่อมั่นได้หรือไม่ short-sell, naked short-sell, robot trade, high frenquency trade จะมีวิธีกำกับอย่างไรให้เกิดความเชื่อมั่น โดยให้นายภากรและนางพรอนงค์ร่วมกันให้ข้อมูล

นายภากรกล่าวว่า ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์และก.ล.ต.ได้ดำเนินการหลายเรื่อง มีการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนมากขึ้น กำกับดูแลการซื้อขายมากขึ้น โดยในส่วนการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนนั้น ได้เน้นทั้งกระบวนการ ตั้งก่อนเข้าจดทะเบียน เข้ามาจดทะเบียน เข้ามาซื้อขาย มีการยกระดับฟ้องร้องเร็วขึ้น และเมื่อกระบวนการฟ้องร้องจบแล้ว ก็มีการเพิกถอนออกจากตลาด

ทั้ง 5 กระบวนการได้มีการปรับอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ได้ทำไปแล้ว เช่น ปรับคุณสมบัติบริษัทที่จะเข้า จดทะเบียนทั้งในตลาด SET และ mai มีการพิจารณาผลกำไรและขนาดบริษัทต่างๆ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2568 ปรับให้การเข้าจดทะเบียนไม่ว่าทางปกติ หรือ backdoor ต้องผ่านการพิจารณาแบบเดียวกัน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 25 มีนาคม 2567

ในขั้นตอนการซื้อขายได้มีการเพิ่มเติมการเตือน Volume Alert ช่วง Auction มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 8 พฤษภาคม 2566 นอกจาก นี้ ก.ล.ต. ตลท. และ ASCO ร่วมกันจัดตั้ง Securities Bureauเพื่อให้มีข้อมูลวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลูกค้าได้รับจาก Broker ต่างๆ มาใช้พิจารณาให้สอดคล้องกับความสามารถในการชาระหนี้ โดยระบบจะพร้อมใช้ได้ในไตรมาส 3 ปี 2567

ส่วนกระบวนการ Ongoing Obligations ได้เพิ่มการเตือนผู้ลงทุนเกี่ยวกับบริษัทที่อาจปฏิบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์ หรือมีข้อน่าสังเกต ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลไปแล้วในไตรมาส 3 ปี 2566 นอกจากนี้ยกระดับการดาเนินการกับ บจ. ที่มี free float ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ โดยขึ้นเครื่องหมาย C และ SP แทนการเก็บค่าธรรมเนียม

ด้านกระบวนการ Escalation to Public ได้มีการยกระดับการเตือนผู้ลงทุนเกี่ยวกับ บจ. ด้วยเครื่องหมาย C ที่มีรายละเอียดมากขึ้น จากเดิมมีเพียงเครื่องหมาย C ซึ่งผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลจากข่าวการขึ้นเครื่องหมาย เพื่อทราบสาเหตุ ปัจจุบันแยกเครื่องหมาย C เป็นหลายประเภท เช่น ปัญหาด้านฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน ไม่ปฏิบัติหรือเป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 25 มีนาคม 2567

สุดท้ายกระบวนการ Delisting เมื่อตรวจสอบว่าบริษัทจดทะเบียนไม่มีคุณสมบัติที่จะจดทะเบียนต่อไป เช่น ไม่ได้ทำธุรกิจจติดต่อกัน 3 ปี ก็จะทำการเพิกถอน

“จะเห็นได้ว่า การที่เรามีความเข้มข้นในการกำกับดูแล ไม่ได้ดูเป็นเรื่องๆ แต่ดูทั้งกระบวนการก่อนเข้ามาในตลาด” นายภากรกล่าว

ในส่วนการกำกับ นางพรอนงค์กล่าวว่า แนวทางการกำกับดูแลมีความชัดเจนอยู่แล้วในเรื่อง short-sell, naked short-sell, robot trade, high frenquency trade ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่มีความไม่ชัดเจนในการบังคับใช้ “วันนี้ก็อยากให้ความมั่นใจในเรื่องกรอบระยะเวลา”

มาตรการเหล่านี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 มาตรการเกี่ยวกับการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ กลุ่มที่ 2 มาตรการเกี่ยวกับการกำกับดูแลพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม กลุ่มที่ 3 มาตรการที่เป็นการเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน

มาตรการในกลุ่มแรกเป็นการเพิ่มต้นทุนเพื่อลดความผันผวนของราคา ก.ล.ต.ไม่ได้ห้ามทำ Short Selling เพราะเชื่อว่าเรื่องของข่าวมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย จึงมีทั้งการซื้อและการขาย แต่เป็นการทำให้หุ้นที่จะทำ Short Selling ได้ต้องเป็นหุ้นที่เหมาะสม ทำให้จำนวนหุ้นที่ทำ Short Selling น้อยลง เทียบเคียงกับต่างประเทศแล้วก็ประมาณ 30% หลักเกณฑ์นี้จะมีผลวันที่ 1 กรกฎาคม 2567

นอกจากนี้ให้เพิ่ม Uptick (รายหลักทรัพย์) โดยให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-plus Tick) หลักเกณฑ์นี้จะมีผลวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เช่นกัน

มาตรการต่อมาคือ การเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น (Dynamic Price Band) เพื่อลดการเปลี่ยนแปลงของราคาระหว่างวันอย่างรวดเร็ว โดยจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือน สิงหาคม 2567 และสุดท้ายหากผันผวนก็จะใช้มาตรการ Auctio ให้ใช้วิธีการซื้อขายแบบ Auction กับหลักทรัพย์ที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย (Trading Alert)ตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไป โดยจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือน สิงหาคม 2567

สำหรับมาตรการกลุ่มที่ 2 นางพรอนงค์กล่าวว่า จะมีการแชร์ข้อมูลของผู้ลงทุนที่ส่งค่าสั่งไม่เหมาะสมให้แก่สมาชิกทุกราย รวมทั้งกำหนดให้ลงทะเบียนลูกค้า HFT ที่สร้างและส่งคาสั่งซื้อขายที่ SET Colocation เพื่อให้ตลาดหลักทรัพย์สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ทั้งสองมาตรการนี้มีผล วันที่ 1 กรกฎาคม 2567

นอกจากนี้จะมีการกำหนดเวลาขั้นต่ำของ order ก่อนที่จะสามารถ ยกเลิกคำสั่ง (Minimum Resting Time) โดยจะมีผลไตรมาส
3 ปี 2567 รวมทั้งมีการพัฒนา Central Platform ในการ Check หลักทรัพย์ ก่อนขาย โดยจะมีผลไตรมาส 4 ปี 2567
ก่อนขาย

ในระยะต่อไปจะมีการแก้กฎหมายเพื่อสามารถกำกับดูแล Short Selling ตลอดสาย การแก้กฎหมายนี้จะไปถึงผู้ลงทุนซึ่งเป็นมือสุดท้ายที่ได้รับประโยชน์ และยังได้เพิ่มเติมการท่าหน้าที่ของ Custodian ในฐานะ gatekeeper

“สิ่งเหล่านี้ ในฐานะเลขาก.ล.ต.อยากให้ความมั่นใจ เรามีหน้าที่กำกับ เราไม่ได้มี business model เราไม่มี hidden agenda หน้าที่ของเราคือไม่ปล่อยให้คนทำผิดลอยนวล แต่หน้าที่ของเราก็ไม่ให้กฎหมายเหล่านี้เป็นอุปสรรค ก็อยากให้รอดูมาตรการเหล่านี้เมื่อมีผลบังคับใช้ ต้องได้ผลระดับหนึ่ง สำนักงานพร้อมที่จะปรับปรุงมาตรการต่างๆให้เข้ากับบริบทที่เปลี่ยนไป” นางพรอนงค์กล่าว

สำหรับมาตรการกลุ่มที่ 3 เน้นการเพิ่มความคุ้มครองผู้ลงทุน นายภากรกล่าวว่า เป็นการเปิดเผยข้อมูลหลายเรื่อง ทั้งรายงานข้อมูล Program Trading ที่ดำเนินการไปแล้วเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2566 การรายงานข้อมูล Outstanding Short Position ในเดือนเมษายน 2567 รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลการถือ NVDR เพราะที่ผ่านมามีการใช้ ์NVDR ปิดบังการถือครอง โดยปัจจุบันให้เปิดเผยข้อมูลผู้ถือ NVDR สูงสุด 10 รายแรกและผู้ถือตั้งแต่ 0.5% ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 และะสุดท้ายเพิ่มโทษในกรณีที่สมาชิกฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขายชอร์ตและ Program Trading โดยจะมีผลไตรมาส 3 ปี 2567

นายพิชัยกล่าวว่า “มาตรการนี้ถือว่าเป็นยาแรงพอสมควร อย่าง short-sell ที่มีคำถามว่าจะยกเลิกหรือไม่ ที่จริง short-sell เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับนักลงทุน ผู้ที่ลงทุนยาวต้องมีเครื่องมือในการปิด position ของตัวเองด้วย ถ้าเราดึงตัวนี้ออกจะขัดกับหลักสากล”

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

แนวทางพัฒนาตลาดทุนรับสังคมดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว

นอกเหนือจากการขับเคลื่อนในมิติการลงทุนระยะยาว การกำกับที่เข้มข้นมากขึ้นยังมีการขับเคลื่อนให้ มีการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นกลไกสำคัญสอดคล้องกับสังคมดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวอีกด้วย

สำหรับแนวทางพัฒนาตลาดทุนในระยะต่อไป นางพรอนงค์กล่าวว่า แนวทางแรก คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure : DIF) เพื่อยกระดับตลาดทุนดิจิทัลและรองรับ tokenized securities โดยจะพัฒนาระบบ DIF ที่จะเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลและให้บริการผู้ที่เกี่ยวข้อง รองรับกระบวนการดิจิทัลแบบ End-to-End ทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง โดยเริ่มจาก web portal สาหรับยื่น filing ตราสารหนี้ และผลักดันการแก้ไขกฎหมาย digital/tokenized securities เพื่อรองรับการออกหลักทรัพย์ (เช่น หุ้นกู้ หุ้น หน่วยลงทุน)แบบอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2568

แนวทางที่สอง การส่งเสริมการระดมทุนผ่านโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) โดยมีการปรับเกณฑ์ ICO เพื่อรองรับ product รูปแบบที่หลากหลาย/ ตอบโจทย์ธุรกิจขณะที่มีกลไกคุ้มครองผู้ลงทุนเพียงพอเหมาะสม สนับสนุนระบบนิเวศ (ecosystem)
ของ investment token ด้วยการ ปรับเกณฑ์เพื่อสนับสนุนการเสนอขาย Investment Token ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

แนวทางต่อมา คือ การส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลและสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยสนับสนุนการใช้ Investment token ระดมทุนเพื่อพัฒนาgreen project โดยปรับปรุงเกณฑ์การเสนอขายโทเคนดิจิทัล/waive ค่าธรรมเนียมคำขออนุญาต/ การยื่น filing สำหรับgreen token และรองรับให้ TESG fund ลงทุนใน product ด้านความยั่งยืนได้ ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 และได้ปรับปรุงเกณฑ์การเสนอขาย investment token รองรับ green token 1 มิถุนายน 2567

อีกทั้งสนับสนุนการน่า blockchain มาใช้ tokenize carbon credit โดยเปิดให้ คกก. ก.ล.ต. ก่าหนดประเภทของ utility token (เช่น tokenized carbon credit) ที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถให้บริการได้ ตั้งแต่ 4 เมษายน 2567 และ▪ ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับ utility token พร้อมใช้ ในไตรมาส 3 ปี 2567

ในระยะต่อไป จะศึกษาแนวทางการกำหนดให้คาร์บอนเครดิตเป็นสินค้าอ้างอิงภายใต้ พ.ร.บ. สัญญาฯ รวมถึงปรับรูปแบบสัญญาฯ ให้มีความเหมาะสม

แถลงข่าวร่วม 3 หน่วยงาน การขับเคลื่อนตลาดทุน

Leave a Reply

The maximum upload file size: 500 MB. You can upload: image, audio, video, document, spreadsheet, interactive, other. Links to YouTube, Facebook, Twitter and other services inserted in the comment text will be automatically embedded. Drop file here