รัฐบาลแพทองธาร ตุน 3.52 แสนล้าน ลุยกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงิน 10,000

Source: รัฐบาลแพทองธาร ตุน 3.52 แสนล้าน ลุยกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงิน 10,000

วันที่ 4 กันยายน 2567 – 08:24 น.

คอลัมน์ : Politics policy people forum
หากไม่มีอะไรผิดพลาด รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก 17 กันยายนนี้ หลังจากแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาก่อนหน้า 1 วัน

แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เหลือระยะเวลาอีก 3 ปี ในการสร้างผลงาน เพื่อเป็นบันไดไปสู่การเลือกตั้ง 2570 โดยมีคู่แข่งสำคัญคือ “พรรคประชาชน”

ตัว “ตัดสิน” ชัยชนะทางการเมืองสำคัญ ที่จะเป็นกุญแจให้รัฐบาลชนะเลือกตั้งครั้งถัดไป คือการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจกบต้ม และปัญหาปากท้องของประชาชน

โดยในปีแรก “แพทองธาร” จะมี กระสุนงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในมือถึง 352,700 ล้านบาท

กระสุนนัดแรก ดิจิทัลวอลเลต
งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจลอตแรกที่ “แพทองธาร” ใช้ได้ทันที มีทั้งสิ้น 165,000 ล้านบาท โดยมีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม.นัดแรก อาจมีการนำแผน-รายละเอียดโครงการแจกเงิน 10,000 ที่ปรับปรุงใหม่ให้ ครม.เห็นชอบ เพื่อแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง กับกลุ่มผู้พิการ ประมาณ 15 ล้านคน

ตามที่ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อ 15 กรกฎาคม 2567 หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ระบุถึงวงเงินการใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลต ว่ามีที่มาจาก 3 แหล่ง จากงบประมาณปี 2567 และปี 2568 มีดังนี้

1.การบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 165,000 ล้านบาท ประกอบด้วย แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปี 2567 ผ่านพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท ที่เหลืออีก 43,000 ล้านบาท ใช้วิธีการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายปี 2567

สอดคล้องกับ จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ที่ถูกดึงมาช่วยดูด้านงบประมาณในยุครัฐบาลเศรษฐา กล่าวว่า งบประมาณปี 2567 ในส่วนของงบฯกลาง ในส่วนเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 99,500 ล้านบาทนั้น ตามที่คาดการณ์ไว้จะนำมาใช้ในโครงการ 43,000 ล้าน และที่เตรียมไว้สำหรับใช้งบฯกลางกรณีเหตุฉุกเฉินภัยพิบัติต่าง ๆ ประมาณ 1.5 หมื่นล้าน

“สำนักงบฯคุยกับกฤษฎีกาแล้วยืนยันว่าทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย” จักรพงษ์กล่าว

 

1.22 แสนล้านตุนในกระเป๋า
สำหรับงบประมาณ 122,000 ล้านบาทนั้น กฎหมายได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาแล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เหตุผลในการใช้งบประมาณ คือ 1.โดยที่รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการดำรงชีพ สร้างโอกาสในการประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ

ควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภคและการลงทุนในประเทศรวมถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อันเป็นกรณีที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ได้

จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 122,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ

2.ประมาณการเงินที่พึงได้มาสำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังนี้ (1) ภาษีและรายได้อื่น โดยเป็นแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการ จำนวน 10,000 ล้านบาท (2) เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 112,000 ล้านบาท

ก้อนแรกต้องใช้ใน ก.ย.
ด้าน “เฉลิมพล เพ็ญสูตร” ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า ในระดับนโยบายชัดในระดับหนึ่งแล้วว่า จะให้กับกลุ่มเปราะบาง จำนวน 15 ล้านคน เป็นอันดับแรก ประกอบด้วย ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 14 ล้านคน และผู้พิการประมาณ 1 ล้านคน

การตั้งงบประมาณในปี 2567 วงเงิน 1.42 แสนล้านบาท แบ่งออกเป็น งบฯรายจ่ายเพิ่มเติมกลางปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านปี และงบฯกลาง สำรองจ่ายปี 2567 เบื้องต้น วงเงิน 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทั้งนี้ ตัวเลขที่แน่นอนต้องรอกระทรวงการคลังสรุปตัวเลขอีกครั้ง

ทั้งนี้ “เฉลิมพล” ระบุว่า เป็นไฟต์บังคับต้องแจกเงินให้กลุ่มเปราะบางภายในเดือนกันยายนนี้ แต่เชื่อว่าทันอยู่แล้ว เพราะมีการลงทะเบียนชัดเจน สามารถโอนเงินได้ทันอยู่แล้ว

งบฯ 2568 อีก 1.8 แสนล้าน
ขณะที่งบฯกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนที่ 2 อยู่ในงบประมาณปี 2568 วงเงิน 3,752,700,000,000 บาท สำหรับงบฯที่จะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องโฟกัสไปที่ “งบฯกลาง” ในส่วนค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ 187,700,000,000 บาท โดยปรับเพิ่มจาก 152,700,000,000 บาท ซึ่งเพิ่มจากเดิม 35,000 ล้านบาท

โดยระบุวัตถุประสงค์ “เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายเม็ดเงินในพื้นที่ต่าง ๆ และเพื่อรักษาระดับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ประชาชนในการดำรงชีพและประกอบอาชีพ อีกทั้งยังเป็นการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”

ยังไม่นับงบฯกลาง ในส่วนเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 96,556,710,300 บาท จากเดิมที่ขอไว้ 95,300,000,000 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 1,256,710,300 บาท

โดยระบุวัตถุประสงค์ เพื่อสำรองไว้ในการป้องกันหรือแก้ไขสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ความมั่นคงของรัฐ การเยียวยา หรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐที่อาจจะเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมาย และไม่สามารถปรับแผนการดำเนินงานจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ และไม่สามารถใช้จากแหล่งเงินอื่นใดได้

รวบแล้วตั้งแต่รัฐบาลแพทองธาร นับหนึ่งในการประชุม ครม.นัดแรก จะมีเงินให้ใช้ 352,700 ล้านบาท สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ

และยังมีช่องว่างในการบริหารจัดการงบประมาณ 2568 ที่รอหั่นงบฯจากหน่วยงานต่าง ๆ อีกทอดหนึ่ง

รัฐบาลแพทองธาร ไม่มีเวลาฮันนีมูน ต้องเดินหน้าแก้เศรษฐกิจทันที… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/politics/news-1644158

Leave a Reply

The maximum upload file size: 500 MB. You can upload: image, audio, video, document, spreadsheet, interactive, other. Links to YouTube, Facebook, Twitter and other services inserted in the comment text will be automatically embedded. Drop file here