Source: ได้ข้อสรุปแล้ว! กสทช.ลุยประมูลคลื่นมือถือ ชง 2 ความถี่ต้นปี 68 รองรับ 6G
กสทช.ลั่นกลองต้นปีหน้าจัดประมูลคลื่นโทรคมนาคม คิกออฟ 2 ความถี่ 2100-2300 เมกะเฮิรต์ เพื่อให้สามารถนำมาจัดสรรใหม่สอดคล้องกับปริมาณความต้องการใช้ความถี่ในอุตฯโทรคม และให้เอกชนได้เตรียมความพร้อมในการทำแผนธุรกิจรองรับปูทางสู่โรดแมปแผนคลื่นแห่งชาติ 5 ปี
นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ด้านกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า กสทช. ได้จัดทำแผนการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลของประเทศไทยระยะ 5 ปี (2567 – 2571) เพื่อรองรับในปี 2568 และ 2570 ที่ประเทศไทยจะมีคลื่นความถี่ที่ได้จัดสรรให้เอกชนสิ้นสุดการอนุญาตให้ใช้งาน
ประกอบด้วย คลื่นความถี่ย่าน 850 เมกะเฮิรตซ์ 1500 เมกะเฮิรตซ์ 2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 2300 เมกะเฮิรตซ์
โดยเตรียมจะนำคลื่นความถี่ดังกล่าวมาจัดประมูลในไตรมาสแรกปีหน้านี้เพื่อให้สามารถนำมาจัดสรรใหม่ให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการใช้คลื่นความถี่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และให้เอกชนได้เตรียมความพร้อมในการทำแผนธุรกิจรองรับ และให้ทันต่อเทคโนโลยี 5.5G และ 6G
“จากการหารือกับเอกชน มีความต้องการใช้งานในคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ และ 2300 เมกะเฮิรตซ์ต่อเนื่อง และเห็นด้วยที่จะนำมาประมูลก่อน เพราะได้ลงทุนอุปกรณ์ต่างๆ ไปแล้วได้ใช้งานมาเพียง 3-5 ปีเท่านั้น และเมื่อดูไทมไลน์งบประมาณการเงินของเอกชนน่าจะมีความพร้อมด้านการเงินในปี 2569 จากภาระการจ่ายค่าใบอนุญาตจะลดลง และการลงทุนในคลื่นดังกล่าวจะไม่มากไม่ต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด”
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นส่วนตัวมองว่าควรวางระยะเวลาใบอนุญาตไว้ประมาณ 10-15 ปี ส่วนราคาตั้งต้นประมูลคงไม่สูงเหมือนครั้งก่อนๆ เพราะไม่เช่นนั้นเอกชนต้องตั้งค่าบริการไว้สูง จะส่งผลเป็นภาระกับประชาชนที่ใช้งาน
นายสมภพ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของคลื่นความถี่ 3500 เมกะเฮิรตซ์ ที่มีแผนจะเรียกคืนมาจัดสรรใหม่ แต่ทางสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) คัดค้านเพราะปัจจุบันมีฐานคนดูทีวีดิจิทัลผ่านดาวเทียมด้วยจานดำกว่า 60% ซึ่งจะทำให้ฐานคนดูลดลงกระทบต่อเรทติ้งและการประกอบธุรกิจนั้น
โดยส่วนตัวคิดว่าได้น่าจะนำมาประมูลในปี 2570 และให้มีการเริ่มใช้งานในปี 2572 หลังใบอนุญาตของทีวีดิจิทัลหมดลง เพื่อให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลได้เตรียมตัวและมีเวลาในการเคลียร์คลื่นความถี่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของบอร์ดกสทช.ทั้งหมดด้วย
โดยคลื่นย่านความถี่ 3300-3600 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 300 เมกะเฮิรตซ์ จะนำมาใช้ในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขณะที่ความย่านความถี่ 3600-3700 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 100 เมกะเฮิรตซ์ จะใช้เป็นการ์ดแบนด์เพื่อกันคลื่นรบกวนกัน ส่วนคลื่น 3700-4200 เมกะเฮิรตซ์ ใช้ในกิจการดาวเทียม
แต่อย่างไรก็ตามในทางสากล ทางสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) ก็ระบุแล้วว่า คลื่น 3500 เมกะเฮิรตซ์ เหมาะสมที่จะนำมาใช้งานเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ อย่างก็ตามก็ต้องดูความพร้อมของภาคเอกชนด้วยว่าพร้อมจะลงทุนต่อเนื่องหรือไม่ โดยหากเป็นการประมูลคลื่น 3500 เมกะเฮิรตซ์ เป็นคลื่นใหม่ซึ่งเอกชนต้องลงทุนในเรื่องอุปกรณ์ในการขยายโครงข่ายใหม่ด้วย