Source: เจาะพอร์ต 13 หุ้น “กระทรวงคลัง” มูลค่า 1.24 ล้านล้านบาท ครึ่งปี 66 ราคารุ่งหรือร่วง?
เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ผ่านครึ่งปี 2566 ตลาดหุ้นไทยยังสามารถยืนเหนือ 1,500 จุดได้เล็กน้อย ฉะนั้นแล้วไปดูพอร์ตการลงทุนของผู้ลงทุนรายใหญ่ อย่าง “กระทรวงการคลัง” ที่มีการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 13 หลักทรัพย์ มีมูลค่ารวมทั้งหมด 1,241,439,970,643.37 ล้านบาท (คำนวณ ณ 30 มิ.ย.2566)
1.บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 10,000,000,000 หุ้น หรือ 70.00% มูลค่า 720,000,000,000 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 70.00% มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ -4.00% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 75.00 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 72.00 บาท ลดลง 3.00 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 76.50/66.00 บาท ค่า P/E N/A เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล N/A% มาร์เกตแคป 1,028,570 ล้านบาท
2.บมจ.ปตท. (PTT) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 14,598,855,750 หุ้น หรือ 51.11% มูลค่า 489,061,667,625 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 51.11% มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ +0.75 % (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 33.25 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 38.25/29.50 บาท ค่า P/E 10.01 เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 6.11% มาร์เกตแคปล่าสุด 956,860 ล้านบาท
3.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 3 ในสัดส่วน 11,364,282,005 หุ้น หรือ 11.74% มูลค่า 17,614,637,107.75 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 11.74% มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ +9.93% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 1.41 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 1.69/1.09 บาท ค่า P/E 9.49 เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.86% มาร์เกตแคปล่าสุด 150,005 ล้านบาท ทั้งนี้ TTB ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) 23,608,317,525 หุ้นหรือ 24.39%
4.(กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย) หรือ TFFIF กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 457,000,000 หุ้น หรือ 10.00% มูลค่า 3,450,350,000 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 10.00% มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ -1.31% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 7.65 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 7.55 บาท ลดลง 0.10 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 8.30/7.20 บาท ค่า P/E N/A เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.93% มาร์เกตแคปล่าสุด 34,503 ล้านบาท
5.บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 3 ในสัดส่วน 153,349,808 หุ้น หรือ 1.28% มูลค่า 3,251,015,929.60 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลังวัน IPO คลัง ถือ 153,349,808 หุ้น หรือ 1.32% และถือมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ -10.92% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 23.80 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 21.20 บาท ลดลง 2.60 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 27.50/19.60 บาท ค่า P/E 25.89 เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 2.44% มาร์เกตแคปล่าสุด 254,400 ล้านบาท ทั้งนี้ OR ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 9,000,000,000 หุ้น หรือ 75.00%
6.บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 2 ในสัดส่วน 261,350,000 หุ้น หรือ 22.13% มูลค่า 3,005,525,000 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลังวัน IPO 29 เม.ย.64 กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 22.13% ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ +5.50% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 10.90 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 14.50/10.10 บาท ค่า P/E 15.14 เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 9.91% มาร์เกตแคปล่าสุด 13,584 ล้านบาท ทั้งนี้ DMT ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัท ธานินทร์ โฮลดิ้ง จำกัด 303,388,022 หุ้น หรือ 25.68%
7.บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 5 ในสัดส่วน 65,543,767 หุ้น หรือ 4.76% มูลค่า 2,392,347,495.50 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2561 กระทรวงการคลังถือ 137,442,767 หุ้น หรือ 9.98% ต่อมา 9 ก.ย.2565 กระทรวงการคลังถือ 65,543,767 หุ้น หรือ 4.76% และถือมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ +15.87% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 31.50 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 36.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 39.00/28.25 บาท ค่า P/E 4.55 เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 6.14% มาร์เกตแคปล่าสุด 50,258 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่สุด 220,159,810 หุ้น หรือ 15.99%
8.บมจ.อสมท (MCOT) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 452,134,022 หุ้น หรือ 65.80% มูลค่า 1,654,810,520.52 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 65.80% ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTDคือ -23.11%(ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 4.76 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 3.66 บาท ลดลง 1.10 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 5.45/3.68 บาท ค่า P/E N/A เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล N/A % มาร์เกตแคปล่าสุด 2,515 ล้านบาท
9.บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 3 ในสัดส่วน 20,000,000 หุ้น หรือ 15.92% มูลค่า 438,000,000 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือในสัดส่วน 15.92% มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ -4.37% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 22.90 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 21.90 บาท ลดลง 1.00 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 25.75/21.60 บาท ค่า P/E 13.00 เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 6.88% มาร์เกตแคปล่าสุด 2,751 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่สุด 31,357,850 หุ้น หรือ 24.96%
10.บมจ.เบาด์ แอนด์ บียอนด์ (BEYOND) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 3 ในสัดส่วน 31,200,000 หุ้น หรือ 10.80% มูลค่า 408,720,000 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี เมื่อ 3 พ.ค.2561 กระทรวงการคลังถือ 31,200,000 หุ้น และถือมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ +6.50% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 12.30 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 13.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 17.30/10.90 บาท ค่า P/E N/A เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล N/A% มาร์เกตแคปล่าสุด 3,800 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่สุด 62,999,800 หุ้น หรือ 21.81%
11.บมจ.เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรม (NEP) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 2 ในสัดส่วน 295,847,860 หุ้น หรือ 12.72% มูลค่า 73,961,965 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) สัดส่วนการถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือ 12.72% ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ -3.85 % (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 0.26 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 0.25 บาท ลดลง 0.01 บาท) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 0.47/0.23 บาท ค่า P/E N/A เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล N/A มาร์เกตแคปล่าสุด 581 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัท วาวา แพค จำกัด ถือใหญ่สุด 460,000,000 หุ้น หรือ 19.78%
12.บมจ.โรงพยาบาลราชพฤกษ์ (RPH) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 5 ในสัดส่วน 14,700,000 หุ้น หรือ 2.69% มูลค่า 88,935,000 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.66) การถือหุ้นย้อนหลัง 5 ปี กระทรวงการคลังถือ 2.69% ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ส่วนอัตราผลตอบแทนด้านราคาของหุ้นปี 66 YTD คือ 0.00% (ราคาสิ้นปี 65 ปิดที่ 6.05 บาท ล่าสุด 30 มิ.ย.66 ปิด 6.05 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง) ราคาสูงสุด/ต่อสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 7.10/5.70 บาท ค่า P/E 23.06 เท่า อัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5.83% มาร์เกตแคปล่าสุด 3,303 ล้านบาท ทั้งนี้ นาย ธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์ ถือใหญ่สุด 63,981,900 หุ้น หรือ 11.72%
13.บมจ.การบินไทย (THAI) กระทรวงการคลังถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 1,044,737,191 หุ้น หรือ 47.86% การบินไทย คาดออกจากแผนฟื้นฟูกิจการปี 2567 และกลับเข้าไปเทรดในตลาดหุ้นปี 2568 หากผลประกอบการดีอาจเร็วกว่าคาด ขณะเตรียมเช่าเครื่องบิน A350-900 เพิ่มอีก 4 ลำ สิ้นปีนี้ พร้อมหาเส้นทางบินใหม่ให้บริการเพิ่มขึ้น หลังแนวโน้มอุตสาหกรรมการบินโลกฟื้นตัวดี-การท่องเที่ยวไทยฟื้น
อย่างไรก็ตาม พบว่าพอร์ตหุ้นของกระทรวงการคลัง ผ่านมาครึ่งปี 2566 มีอัตราผลตอบแทนด้านราคาเป็นบวก 5 หลักทรัพย์ ลบ 6 หลักทรัพย์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง 1 หลักทรัพย์ และอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการอีก 1 หลักทรัพย์