Source: “นอท กองสลากพลัส” แจ้งเกิด EE ได้หรือ / สุนันท์ ศรีจันทรา
เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ราคาหุ้นบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) พุ่งทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงทันที หลังปรากฏชื่อ “นอท กองสลากพลัส” หรือนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 57.81%
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ เกิดขึ้นหลังนายพันธ์ธวัช ทำรายการซื้อขายรายใหญ่ หรือบิ๊กล็อต หุ้น EE ผ่านตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 1,607 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 14 สตางค์
เย็นวันเดียวกัน EE ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริษัท โดยมีมติแต่งตั้งนายพันธ์ธวัช เป็นประธานกรรมการบริษัท
และมีมติเพิ่มทุนจำนวน 2,780 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด 5 ราย ในราคาหุ้นละ 19 สตางค์ รวมทั้งเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เทคลีค เอ็นพีแอ็น จำกัด (มหาชน)
นายพันธ์ธวัช ออกคำชี้แจงทันทีถึงการถือหุ้น EE ระบุว่า มองเห็นศักยภาพและโอกาสของบริษัทในธุรกิจด้านเทคโนโลยี และเชื่อมั่นจะสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยการบริหารที่โปร่งใส มีเป้าหมายที่ชัดเจน โดยตั้งใจผลักดันบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นและผลักดันให้ ‘EE’ กลายเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือในระดับประเทศได้
นายพันธ์ธวัช สร้างฐานะจากการขายลอตเตอรี่ แต่เคยถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ แจ้งข้อหาฐานฟอกเงินหวยและการพนัน
หุ้น EE ซึ่งเคลื่อนไหวประมาณ 20 สตางค์มาพักใหญ่ ราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังมีข่าวนายพันธ์ธวัชเข้ามาถือหุ้นใหญ่ โดยขึ้นชนเพดานสูงสุด 2 วันติด จากราคาปิดที่ 20 สตางค์ในวันที่ 6 ธันวาคม ปิดที่ 36 สตางค์ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 80% ใน 2 วันทำการ
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกประกาศเตือนนักลงทุนตามมา โดยขอให้ศึกษาข้อมูลหุ้น EE ด้วยความระมัดระวัง กรณีบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยการนำหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายบุคคลวงจำกัดหุ้นละ 0.19 บาท เป็นเงิน 517 ล้านบาทเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ซึ่งเป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญเนื่องจากกระทบต่อสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้นมากกว่า 25%
และการนำเงินเพิ่มทุนไปใช้ลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือธุรกิจ Tech ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีผลตอบแทนการลงทุนไม่น้อยกว่า 12% แต่บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน
รายการที่ส่งผลให้ EE มีการเปลี่ยนแปลงทั้งธุรกิจและอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญโดยธุรกิจใหม่มีความเสี่ยงที่แตกต่างจากธุรกิจปัจจุบันของบริษัท ซึ่งเป็นธุรกิจการเกษตร โดยบริษัทคาดว่าจะลงทุนภายในปี 2568 และมีผลตอบแทนการลงทุนไม่น้อยกว่า 12% จึงเป็นข้อมูลสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้ EE ชี้แจงข้อมูลกรอบเวลาที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในธุรกิจ Tech ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลภายใน 11 ธันวาคม 2567
EE เป็นหุ้นในกลุ่มนายฉาย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ NATION โดยมี น.ส.อรอร อัครเศรณี ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 22.86% ซึ่งขายให้นายพันธ์ธวัชออกหมดแล้ว
หุ้น EE อยู่ในสภาพตายซากมายาวนาน เนื่องจากผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารและโครงสร้างธุรกิจ จึงอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มผลประกอบการ ทำให้เกิดการจุดพลุเก็งกำไร จนราคาพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงชนเพดาน 2 วันติด
นายพันธ์ธวัชนำเงินที่ได้จากธุรกิจลอตเตอรี่ เปลี่ยนมาเป็นเงินลงทุนในหุ้น EE แล้ว และทำให้เงินทุนในตลาดหุ้นเป็นเงินสะอาดและตรวจสอบได้ พร้อมกับต่อเติมชีวิตหุ้น EE ให้ดูเหมือนว่าจะมีอนาคตที่สดใสขึ้น
ต้นทุนหุ้น EE ของนายพันธ์ธวัชจำนวน 1,607 ล้านหุ้น อยู่ที่ 14 สตางค์เท่านั้น และหุ้นเพิ่มทุนที่จะขายให้บุคคลวงจำกัด 5 รายจำนวน 2,780 ล้านหุ้น ขายในราคาเพียง 19 สตางค์ ซึ่งจะได้กำไรมามหาศาลจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นในกระดาน
นายพันธ์ธวัช กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นไปแล้วกว่า 150% ขณะที่นักลงทุน 5 รายที่จะได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 2,780 ล้านหุ้น ได้กำไรกลางอากาศไปแล้ว 100%
แต่นักลงทุนรายย่อยที่แห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้น EE กำลังเล่นกับไฟ และแบกรับความเสี่ยงเต็มตัว
เพราะธุรกิจ TECH ที่ “นอท กองสลากพลัส” กำลังปั้นขึ้นมานั้นยังไม่เกิดขึ้นจริง และจะสร้างผลตอบแทนสูง 12% หรือไม่ ยังต้องรอการพิสูจน์กันแรมนับปี
ราคาหุ้น EE ที่ถูกไล่หรือลากกันขึ้นมา จึงเป็นราคาบนความคาดหวัง หรือราคาบนความฝันในโลกสวย ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นจริง
การเปลี่ยนเจ้ามือใหม่จากกลุ่ม “ฉาย บุนนาค” ไปสู่ “นอท กองสลากพลัส” จะทำให้หุ้น EE แจ้งเกิดใหม่ได้จริงหรือไม่ นักลงทุนที่กำลังหลั่งไหลเข้าไปลุยหุ้นตัวนี้หาคำตอบกันดีๆ