Source: โบรกชี้ “ประกันสังคม” ปรับพอร์ตลงทุน ตลาดหุ้นไทยเสี่ยงรับผลกระทบ
กูรูมองบวกผู้ลงทุนสถาบันรายใหญ่ของไทยอย่าง “ประกันสังคม” ปรับพอร์ตลงทุน แม้หุ้นไทยได้ความมั่นคง แต่ไม่ตอบโจทย์ความมั่งคั่ง ควรหาโอกาสกระจายความเสี่ยงลงทุนต่างประเทศ พร้อมเปิดพอร์ตประกันสังคมที่ลงทุนใน SET50
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องการปรับพอร์ตการลงทุนของประกันสังคมนั้น อันที่จริงข่าวนี้มีกระแสออกมาเป็นระยะๆ แล้ว ตั้งแต่ช่วงกลางปี 67 เป็นต้นมา แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่เห็นถึงความคืบหน้าในปัจจุบัน
ทั้งนี้ หากกองทุนใหญ่ ในฐานะผู้ลงทุนสถาบันรายใหญ่ของไทยอย่าง “ประกันสังคม” จะต้องมีการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่นั้นก็เป็นเรื่องที่สมควร และเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องปรับ เพราะต้องยอมรับว่าหุ้นจำนวนไม่น้อยในพอร์ตการลงทุนของ “ประกันสังคม” ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีเท่าที่ควรนัก
การลงทุนให้หุ้นไทยนั้นอาจได้ในด้านของความมั่นคง แต่ไม่มั่งคั่งและไม่ใช่ในระยะยาว ดังนั้นจึงจำเป็นที่จ้องต้องมองหาโอกาสในการลงทุนกระจายความเสี่ยงในต่างประเทศร่วมด้วย เพื่อมาตอบโจทย์ในการดูแลสถานะของ “ประกันสังคม” ได้มากกว่า แต่อย่างไรก็ดี หาก “ประกันสังคม” เอาจริงกันการยกเลิกลงทุนหุ้นรายตัวที่ลงทุนในหุ้นไทย แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยด้วยแน่นอน ตามแรงความกังวลใจของนักลงทุน
“การปรับเปลี่ยนการลงทุนนั้นก็ควรที่จะกระจายการลงทุนทั้งในตราสารหนี้ไทย ตราสารทุนต่างประเทศ การลงทุนในหลักทรัพย์นอกตลาด ซึ่งจะทำให้กองทุนมีผลตอบแทนคาดหวังระดับสูงขึ้น รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศเป็นการลดการกระจุกตัวของเงินลงทุน และเป็นการบริหารความเสี่ยงกองทุน เพื่อให้มีผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว แทนการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนขึ้นกับสภาวะตลาดในประเทศไทยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
โดยมองว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ “ประกันสังคม” อาจต้องเผชิญกับสวภาวะการชะลอตัวของเม็ดเงินตามสัดส่วนแรงงานเข้าสู่ระบบที่ไม่ได้ขยายตัว ซึ่งเป็นไปตามจำนวนประชากรที่ลดลง การเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ที่อาจทำให้สถานะของของ “ประกันสังคม” จะแย่ลงเร็วขึ้นในอนาคต
อีกทั้งในภายภาคหน้าอาจได้เห็นการปรับการจ่ายเงินบำนาญและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ลดลงเพิ่มเติมอีกด้วย รวมถึงมีโอกาสเห็นการเขยิบอายุเกษียณ จากเดิม 60 ปี เป็น 65 ปี ก็เป็นไปได้ เพื่อลดภาระรายจ่ายลง เพราะการจ่ายเงินบำนาญ 1 ปี/คน สูงกว่าการหักเก็บค่าประกันสังคมถึงกว่า 5 ปี
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นในพอร์ต “ประกันสังคม” พบว่า มีจำนวน 101 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 39 รายการเป็นการลงทุนใน SET50 และบางรายการอย่าง SCGP เป็นการลงทุนทั้งจากสำนักงานประกันสังคม และลงทุนโดย บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น
มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) สูงสุดของหุ้นในพอร์ตการลงทุน “ประกันสังคม” 5 อันดับแรก (ณ วันที่ 15 ม.ค.68) ได้แก่ PTT ที่ 864,030,64 ล้านบาท รองลงมา คือ ADVANC ที่ 844,675.57 ล้านบาท ตามมาด้วย AOT ที่ 814,284.90 ล้านบาท, GULF ที่ 683,455.99 ล้านบาท และ PTTEP ที่ 502,203.15 ล้านบาท เป็นต้น
เปิดพอร์ตลงทุน “ประกันสังคม” ใน SET50
- ADVANC จำนวน 63,806,900 หุ้น หรือ 2.15%
- KBANK จำนวน 78,524,100 หุ้น หรือ 3.31%
- CPALL จำนวน 219,994,000 หุ้น หรือ 2.45 %
- GULF จำนวน 95,744,200 หุ้น หรือ 0.82%
- INTUCH จำนวน 41,033,100 หุ้น หรือ 1.28%
- PTTEP จำนวน 34,809,577 หรือ 0.88%
- AOT จำนวน 196,115,520 หุ้น หรือ 1.37%
- BDMS จำนวน 512,449,400 หุ้น หรือ 3.22%
- PTT จำนวน 496,528,300 หรือ 1.74%
- BBL จำนวน 76,198,200 หุ้น หรือ 3.99%
- SCB จำนวน 100,695,600 หุ้น หรือ 2.99%
- PTTGC จำนวน 58,641,851 หุ้น หรือ 1.30%
- CPN จำนวน 74,449,700 หรือ 1.66%
- MINT จำนวน 111,915,459 หุ้น หรือ 1.97%
- SCC จำนวน 60,727,250 หุ้น หรือ 5.06%
- BH จำนวน 15,231,300 หุ้น หรือ 1.92%
- BTS จำนวน 421,746,300 หุ้น หรือ 3.20%
- OR จำนวน 68,257,211 หุ้น หรือ 0.57%
- ITC จำนวน 8,306,300 หุ้น หรือ 0.28%
- CPN จำนวน 74,449,700 หุ้น หรือ 1.66%
- CRC จำนวน 95,094,266 หุ้น หรือ 1.58%
- EGCO จำนวน 23,093,900 หุ้น หรือ 4.39%
- IVL จำนวน 89,817,300 หุ้น หรือ 1.60%
- EGCO จำนวน 23,093,900 หุ้น หรือ 4.39%
- GLOBAL จำนวน 53,785,666 หุ้น หรือ 1.08%
- GPSC จำนวน 44,121,295 หุ้น หรือ 1.56%
- HMPRO จำนวน 525,938,512 หุ้น หรือ 4.00%
- BEM จำนวน 32,410,000 หุ้น หรือ 1.24%
- BGRIM จำนวน 32,410,000 หุ้น หรือ 1.24%
- BJC จำนวน 133,407,200 หุ้น หรือ 3.33%
- CPF จำนวน 240,450,900 หุ้น หรือ 2.86%
- LH จำนวน 723,616,540 หุ้น หรือ 6.06%
- RATCH จำนวน 101,870,550 หุ้น หรือ 4.68%
- SCGP จำนวน 60,440,786 หุ้น หรือ 1.41%
- MTC จำนวน 11,221,500 หุ้น หรือ 0.53%
- TU จำนวน 124,917,608 หุ้น หรือ 2.80%
- TOP จำนวน 40,475,473 หุ้น หรือ 1.81%
- TISCO จำนวน 8,322,830 หุ้น หรือ 1.04%