Blog

ซีเอ็นบีซีรายงานความเคลื่อนไหว “หุ้นเอเชีย” เปิด ตลาดหุ้นเอเชีย นักลงทุนเทขายอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจาก “สงครามการค้า” ระดับโลกที่เกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐ

ตลาดหุ้นฮ่องกง

ตลาดหุ้นฮ่องกง เป็นตลาดที่ปรับตัวลดลงมากที่สุดในภูมิภาค โดยดัชนี Hang Seng ลดลง 9.56% ในการซื้อขายช่วงเช้า ในขณะเดียวกัน ดัชนี CSI 300 ของจีนแผ่นดินใหญ่ ลดลง 4.82%

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนี Nikkei 225  ลดลง 6.40% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ในขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 6.62% การลดลงอย่างรวดเร็วนี้ส่งผลให้ตลาดฟิวเจอร์สหุ้นญี่ปุ่นถูกระงับการซื้อขายชั่วคราว ตามมาตรการหยุดการซื้อขาย (เซอร์กิตเบรกเกอร์)

เกาหลีใต้

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ดัชนี Kospi ลดลง 4.32% ขณะที่ดัชนี Kosdaq ลดลง 3.52%

ออสเตรเลีย

ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย ลดลง 4.5% ซึ่งเข้าสู่ช่วง “ปรับฐาน” โดยดัชนีลดลง 11% นับตั้งแต่จุดสูงสุดในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

‘น้ำมันดิบ-ทองคำ-บิตคอยน์’ กอดคอดิ่ง

ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ร่วงลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสัญญาซื้อขายล่วงน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตร่วงลงมากกว่า 3% เหลือ 59.74 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2021

ราคาทองคำตลาดสปอต ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 3,000 ดอลลาร์ เคลื่อนไหวที่  2,981.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเช้าของวันที่ 7 เม.ย. ตามเวลาสิงคโปร์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำเพื่อนำเงินไปชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นในตลาดอื่นๆ

ราคาบิตคอยน์ เคลื่อนไหวที่ 78,964.51 ดอลลาร์  ลดลงไป 5.34% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดที่  77,206 ดอลลาร์

เดินหน้าเก็บภาษีไม่สนตลาดหุ้น

เจ้าหน้าที่เศรษฐกิจระดับสูงของทรัมป์ ปัดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยประกาศว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรจะยังคงดำเนินต่อไป ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม

หุ้นสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐอีกครั้ง ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลกที่อาจนำไปสู่ภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Nasdaq เข้าสู่ภาวะ ‘ตลาดหมี’

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 2,231.07 จุด หรือ 5.5% สู่ระดับ 38,314.86 จุด  ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563

ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 5.97% เหลือ 5,074.08 จุด ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020

ในขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq Composite กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีลดลง 5.8% เหลือ 15,587.79 จุด ส่งผลให้ดัชนีลดลง 22% จากระดับสูงสุดในเดือนธันวาคม ซึ่งเข้าสู่ภาวะ “ตลาดหมี”