Source: ทักษิณ มั่นใจไม่มีรัฐประหาร นายกฯอิ๊งค์ปลอดภัย 100% เลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อไทยชนะแน่
วันที่ 22 สิงหาคม 2567 – 22:53 น.
FacebookTwitterLINECopy Link
‘ทักษิณ’ มั่นใจ ไม่เกิดรัฐประหาร ‘นายกฯอิ๊งค์’ 100% เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้า ‘เพื่อไทย’ กลับมาชนะ บอกจะร่วมรัฐบาลต้องให้โอกาสพรรคมิตรเก่าก่อน ลั่นสบายมากสู้คดี 112
เมื่อวันที่ 22 ที่พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามที่ประชาชนตั้งคำถามว่า 17 ปีที่ออกจากประเทศไทยไป และเมื่อปี 2566 ได้กลับมาประเทศไทยในรอบนี้มีเงื่อนไขต้องเป็นตัวประกัน หรือดีลหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มีใครมาดีล ไม่มีใครกล้าดีล เพราะตนไม่มีอะไรจะให้มาดีล เพราะเสียเวลา แต่ต้องยอมรับว่าตนรักบ้านเมือง และคิดถึงหลานเวลาที่ไปหา เขากลับ เราก็น้ำตาตกทุกที ซึ่งมีความทุกข์ ที่อยากกลับประเทศตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า และสุดท้ายก็ประสานกับทางรัฐบาล ซึ่งเป็นในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตนจะเดินทางกลับ เพราะตนไม่มีพาสปอร์ต เขายึดพาสปอร์ตตนไปแล้ว ซึ่งเมื่อมีการประสานมา เขาก็เตรียมการให้ ถือว่าได้รับพระกรุณาธิคุณ
เมื่อพูดถึงท่อนนี้ นายทักษิณยกมือไหว้เนื้อหัว ก่อนจะกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งตนสำนึกว่าสิ่งที่เราได้รับ เรามีหน้าที่ต้องตอบแทนทุกอย่างให้บ้านเมือง และมีหน้าที่ที่จะต้องจงรักภักดีต่อไป เป็นสิ่งที่ทำให้ตนได้กลับมาเป็นคนไทยอีกครั้ง
เมื่อถามว่า หลังกลับมาเป็นประชาชนคนไทย และได้รับใบบริสุทธิ์แล้ว คิดว่าอยากจะทำอะไรให้ประเทศไทย หรืออยากจะช่วยนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนอยู่ข้างหลัง หรืออยากผลักดันให้รัฐบาลนี้มีเอกภาพที่สุด นายทักษิณกล่าวว่า เป็นหน้าที่ ตนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พี่น้องคนไทยหลายคนยังมีความผูกพันอยู่กับตนบ้าง ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องตอบแทนบ้านเมืองอย่างสุดฝีมือ
“ในขณะที่สมองเรายังดี มีความจำดี และผ่านประสบการณ์เห็นประเทศต่างๆ ในโลกเยอะ จึงอยากเป็นพระเอก โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” นายทักษิณกล่าว
เมื่อถามว่า หมายถึงนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายทักษิณตอบกลับว่า “นายประเทศไทย”
เมื่อถามถึงการเมืองของไทยเปลี่ยนไปเยอะหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า เปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่การปฏิวัติประเทศไทยในครั้งที่สอง การร่างรัฐธรรมนูญมีเจตจำนงอย่างชัดเจนเพื่อให้การเมืองอ่อนแอ เพราะกลัวการเมืองแข็งแรงเหมือนสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไม่เคยมีประวัติศาสตร์ว่าการเลือกตั้งชนะรอบสอง และได้มาถึง 377 เสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น อีกทั้งตอนนั้นก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา แต่ต้องถือว่าเป็นประชาชน เผด็จการเพราะประชาชนเป็นคนเลือกมา ถึงตอนนี้ก็ยังมองว่ารัฐธรรมนูญยังเป็นปัญหาที่จะต้องแก้เยอะ วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งแข็งแรงและสามัคคีกันมากพอสมควร ถึงเวลาที่จะต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาธิปไตยกลับคืนสู่คนไทย
เมื่อถามว่า วันนี้เหมือนประชาธิปไตยมีเสาที่ 4 เกิดขึ้น เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ มาขี้ชะตาการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า คงต้องแก้ รัฐบาลมาจากสภา ต้องไปด้วยสภา เพราะหลักการของประชาธิปไตย 3 เสาหลัก ตอนนี้มีอะไรก็ไม่รู้ และยังมีนักร้องเยอะ ร้องจนสร้างอาชีพอาชีพใหม่ มองว่าผู้ที่เสียหายและองค์กรที่เกี่ยวข้องเขามีสิทธิกับเรื่องนี้
นายทักษิณกล่าวต่อว่า อดีตพรรคก้าวไกลเคยถามตนว่าพรรคจะถูกยุบหรือไม่ ตนบอกว่าตนแค่โดนหมั่นไส้อยู่เมืองนอก 17 ปี โดนยุบไป 3 พรรค แล้วของคุณจะเหลือหรือ
ส่วนรัฐบาลสภาวะปัจจุบันที่วันนี้เปลี่ยนจาก นายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ส่งผลให้ป่าสะเทือนเลื่อนลั่น จะทำให้รัฐบาลเดินไปอย่างมีเสถียรภาพอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า เรื่องเสถียรภาพไม่มีปัญหาเลย แต่เรื่องข้ามขั้ว ไม่ข้ามขั้ว บ้านเราชอบบัญญัติศัพท์ และพูดติดปากกันเลย บ้านเราเป็นระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงได้ก่อนก็จะตั้งรัฐบาล แต่ตามมารยาทให้สิทธิคนที่ได้ที่หนึ่งก่อน แต่ถ้าคนที่หนึ่งเขาจัดตั้งไม่ได้ ก็เป็นพรรคอันดับสองที่จะเป็นคนรวบรวมเสียง จึงไม่ใช่การข้ามขั้ว แต่เป็นระบบรัฐสภา
“ที่เขาตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะเขาไม่ยอมยกเลิกการแตะต้องมาตรา 112 เรื่องเดียว เพราะทุกพรรคเขาไม่เอาด้วยกับเรื่องนี้ ถ้าไม่มีมาตรา 112 ในวันนั้น การตั้งรัฐบาลของอดีตพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจบไปแล้ว” นายทักษิณกล่าว
เมื่อถามถึงความมั่นใจว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะมีความมั่นคงใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า มั่นใจ เพราะ ส.ส.ในฝั่งรัฐบาลมี 300 กว่าเสียง ไม่มีอะไรเสี่ยง และการที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตั้งใจทำ และทีมงานที่รองรับด้านหลังน่าจะผลักดันได้ดี
เมื่อถามถึงคำแนะนำต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งชนะพรรคประชาชนได้ นายทักษิณกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งหน้ามีโอกาสสูงที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นที่ 1 การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หากหัวหน้าพรรคไม่ลาคลอดแล้วเดินหน้าหาเสียงไปเรื่อยๆ ตอนนั้นลาคลอดไป 10 กว่าวัน ทำให้คะแนนนิยมตก หากหาเสียงจนจบ ตนว่าไม่แพ้มั่นใจ เพราะเราสำรวจตลอด
เมื่อถามว่า อะไรที่ทำให้มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะชนะพรรคประชาชน นายทักษิณกล่าวว่า ของมันเคยชนะมาแล้ว ซึ่งหลักของพรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาชนเขาต้องการความเท่าเทียม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ในบริบทของสังคมไทย ดังนั้น เขาจึงจะอยู่ในบริบทของการเมือง ส่วนของพรรคเพื่อไทยอยู่ในบริบทของการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมของประชาชน เราเน้นโอกาส เขาเน้นสถานะ ไม่เหมือนกัน ซึ่งตนใช้แบบนี้มาตั้งแต่ปี 2541 ชนะด้วยคำเดียวคือโอกาส วันนี้ไม่ใช่คนไทยงอมืองอเท้าหรือไม่ฉลาด แต่เป็นเรื่องของโอกาส
เมื่อถามว่า หากไม่มีเรื่อง 112 การเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนสามารถจับมือกันตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ในฐานะผู้เคยก่อตั้งพรรค เรามีพันธมิตรที่เคยทำงานในรัฐบาลร่วมกัน เขาต้องมีสิทธิก่อน นี่คือมิตรทางการเมือง หลักการทางการเมืองเป็นเช่นนี้
เมื่อถามว่า คนที่อยู่ด้วยกันมี ประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ประชาธิปัตย์ก็มาร่วม เห็นหรือให้มางานนี้ด้วย ตอนมองว่าวันนี้ประเทศไทยต้องสามัคคีกัน เราแบ่งหน้าที่ แต่เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน
เมื่อถามว่า ตั้งแต่กลับประเทศไทยมา 1 ปี ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บ้างหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ก่อนมาเคยโทรคุยผ่านคนอื่น เป็นเรื่องที่จะร่วมรัฐบาลกัน ถามสารทุกข์สุขดิบ แต่ไม่เคยพูดคุยกัน ไม่ได้เจอกัน เขาไม่รู้จักตนแล้ว รู้จักการตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่หนึ่ง จนเป็น ผบ.ทบ.
เมื่อถามว่า จุดไหนที่ทำให้มีระยะห่าง นายทักษิณกล่าวว่า ตอนนั้น พล.อ.ประวิตรเกษียณ เขาอยากไปเป็นประธาน ป.ป.ช. แล้วตนก็บ่นว่าทหารจะไปเป็นประธาน ป.ป.ช. ไม่รู้กฎหมายหรือ ตนพูดแค่นี้ ก็มีเพื่อนเขาที่เป็นอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไปบอกเขา เขาเลยโกรธตน จนถึงวันนี้ก็ไม่ได้คุยกัน แล้วทำไมตนต้องไปคุยกับเขา แล้วหลังจากนั้นตนก็โดนแทง
เมื่อถามว่า คิดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นตัวแปรสำคัญ หรืออุปสรรคสำหรับรัฐบาลแพทองธารหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่เป็น เพราะมีเสียงพอ
เมื่อถามว่า มีอะไรอยากบอก พล.อ.ประวิตรหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า เราก็อายุมากกันแล้ว ก็เข้าฟังธรรมะสักหน่อย จิตใจจะได้สงบ ตนอยู่เมืองนอกมา 17 ปี มีเรื่องราว มีคดีมากมาย ทีแรกก็โกรธ ทีหลังก็เฉยๆ ตอนหลังก็ขำมีอีกหนึ่งคดี
เมื่อถามว่า ในฐานะพ่อคิดว่าจะสนับสนุนช่วยเหลือลูกสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่อายุน้อยที่สุดอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ตนต้องทำหน้าที่ ช่วยคิด ช่วยเสนอ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี หากพบว่าสิ่งไหนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข หรือแนวทางประเทศควรไปทางไหนก็จะบอกเขา แต่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องของตน แต่ตนคงจะอยู่เฉย มองปัญหาบ้านเมืองแบบไม่สนใจไม่ได้ ห่างจะตั้งตำแหน่งให้ตัวเองก็จะเป็น สทร. (เxือกทุกเรื่อง) ได้หรือไม่ เห็นอะไรไม่ดีก็ต้องบอก เพื่อให้เขาได้แก้ไข เราก็ห่วงใย รักบ้านเมืองอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกตนเป็นนายกฯ ตนก็ต้องบอกในฐานะอดีตนายกฯ
ส่วนจะวางระยะห่างกรณีที่มีนักการเมือง หรือนักธุรกิจเข้าหาอย่างไรนั้น นายทักษิณกล่าวว่า ตนมีนิสัยเป็นอาจารย์เก่า ชอบสอนหนังสือ ชอบให้ความรู้ ใครมาปรึกษาก็ยินดี แต่ถ้ามาวิ่งเต้นไม่เกี่ยวกับตน ไม่ต้องมา บ้าน เจอแต่เพื่อนฝูง
เมื่อถามว่า มองว่าหลังจากนี้มีโอกาสจะเกิดรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มี วงจรนั้นหายไปแล้ว เชื่อว่านายกฯแพทองธารจะปลอดภัยจากรัฐประหาร 100 เปอร์เซ็นต์
เมื่อถามถึง การถูกกล่าวหาในคดี 112 นายทักษิณกล่าวว่า นักข่าวเกาหลีมาสัมภาษณ์ตน แต่ตนไม่รู้ว่าจะอัดวิดีโอด้วย ก็พูดคุยกันไป ยืนยันว่าไม่เคยแตะเรื่องเจ้านาย เพราะคำว่า Cycle หรือวงจร คิดว่าตำรวจตกภาษาอังกฤษ แต่คำว่าเซ็นเตอร์คือตรงใจกลาง ตนไม่ได้พูดถึงเซ็นเตอร์ แต่พูดถึงเซอร์เคิล ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงของการกระชับอำนาจปฏิวัติพอดี ได้ข่าวมาว่าคนที่ทำคดีแทบเป็นบ้า เพราะถูกกดดันและรู้ว่าใครกดดัน ซึ่งคนกดดันก็ยังอยู่ เดี๋ยวจะไปซักในศาล มั่นใจว่าเรื่องนี้จะจัดการได้สบายมาก