คงจะหนาวแรงน่าดู
( ตอนนี้อยู่กรุงเทพฯ )
คงจะยังไม่เข้าภาคเหนือเต็มที่เท่าไหร่
เพราะมีภูเขาสูงชะลอเอาไว้
ถ้าแทรกซึมเข้าภาคเหนือเต็มที่เมื่อไหร่
คนเหนือ ได้หนาวสมใจแน่
เราเดาอะไรแน่นอนในปีนึง แต่ละปีไม่ได้หรอก
เลยยังไม่วกขึ้นเหนือ
แต่เช้านี้ก็เย็นลงกว่าเมื่อวานชัดนะ
ปล. ภาพแบบนี้หาได้ที่ไหนครับ อยากดูจัง
น่าจะวันที่ 18 เป็นต้นไป
กำลังแรงกว่าระลอกแรกพอสมควร
มีระลอก 2 มาเสริม วันที่ 18 ธ.ค
แถมทำให้ กทม. ลดหนักกว่าระลอกแรก
เอาจริงกรุงเทพ ยังไม่เจอระลอกแรกแบบแรง ๆ เต็ม ๆ
ถ้าคุณสังเกตจากแผนที่ดี ๆ มันยังไหลเข้าภาคกลางไม่เต็มที่
ภาคกลางเลยอุณหภูมิยังไม่ลดมาก
ปล.แต่เราอยู่โซนร้อนยังไงอากาศร้อนต้องดีกว่าหนาวแน่นอน มองที่เที่ยวชายทะเลดูสาวๆเล่นน้ำไว้ก่อนเลยสุขดีเเท้
ถือว่าร้อนอยู่
ถ้าช่วงหนาวมาเมื่อไหร่
จะขี่รถมอเตอร์ไซค์โต้อากาศหนาว แบบอยู่ต่างจังหวัดไปเลย
คิดถึงบรรยากาศแบบนั้น
ไปนครนายก บรรยากาศน่าจะดีมาก
เสียด้ายย
![]()
ถ้าเจอวันหนาว คว้ามอไซค์ออกไปขับเลย
ทำบ่อยด้วย 555
อย่างล่าสุด ธันวา 2563 – มกราคม 2564
ทำแบบนี้ตลอด
มกราคม 2564 นี่ช่วงเวลาทองเลย
หนาวมาบ่อยโคตรๆ
ชอบขับมอเตอร์ไซค์กินลมชมวิวช่วงกลางคืน
ขับสนุก ฟินกว่าปกติเยอะ

จากภาพบนจะเห็นเลยนะครับว่าลมหนาวน่ะมันมาถึงแล้ว แต่ลมตะวันตกที่ค่อนข้างร้อน มาเจอพอดี ซึ่งทำให้มันยกตัวขึ้นเกิดเป็นแนวเมฆที่ความสูงประมาณ 2000 – 3000 m แล้วด้วยความที่มันเป็นภาคเหนือ ที่มีภูมิประเทศสลับซับซ้อน อากาศมันเลยมีการ turbulent ตีกันมั่ง ขึ้นลงหน้าเขาบ้าง อุณหภูมิเลยผสมไปมาทำให้ไม่หนาวเท่าไหร่ คงต้องรอให้ลมตะวันตกไป ประมาณวันพฤหัส ถึงจะเริ่มหนาวกันจริงๆน่ะครับ
ฝนหรือเมฆถ้าเอาตามความเป็นธรรมชาติของมันจริงๆเลยก็คือ การเปลี่ยนสถานะจากก๊าซเป็นของเหลว ซึ่งก็เกิดจากการคายความร้อนให้แก่สภาพแวดล้อมภายนอก เพราะงั้นถ้าเมฆเกิดการคายความร้อนแล้วกลั่นเป็นหยดน้ำ ก็ย่อมทำให้อุณหภูมิโดยรอบอุ่นขึ้นเป็นธรรมดาครับ
โดยธรรมชาติ ก้อนอากาศก้อนนึง (ซึ่งในนั้นก็จะมีน้ำ หรือความชื้นจำนวนนึงบรรจุอยู่ และตัวก้อนอากาศที่อุณหภูมิและความดันหนึ่งๆนั้นก็จะมีความสามารถในการบรรจุน้ำต่างกันไป)

ก้อนอากาศลอยตัวขึ้นตอนแรกนั้นจะเป็นการยกตัวแบบกระบวนการ “กักความร้อนแบบแห้ง” (Dry adiabatic) คือปริมาณความร้อน (H) คงเดิม (ส่วนที่เรียกว่าแบบแห้งก็เพราะไม่มีการกลั่นเป็นหยดน้ำ) ลอยขึ้นฟ้าไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับที่ขยายขนาด และอุณหภูมิค่อยๆลดลง จนเมื่อถึงค่านึง อุณหภูมิของก้อนอากาศลงไปถึงค่าที่ไม่สามารถรองรับน้ำที่บรรจุไว้นั้นได้อีกต่อไป (ภาพบนก็คือที่เส้นประตัดกันกับเส้นเข้ม) หลังจากนั้น มันจึงต้องทั้งกลั่นไอน้ำให้เป็นหยดน้ำ พร้อมๆไปกับลดอุณหภูมิเพื่อที่จะลอยขึ้นต่อไป (Moist adiabatic) นี่จึงเป็นสาเหตุที่ช่วงแรกความชันกราฟมัน ไม่ค่อยชันเท่าไหร่ เพราะมันไม่ต้องกลั่นหยดน้ำไปด้วย(แบบแห้ง) อุณหภูมิลดไว แต่พอเป็นเมฆปุ๊บอุณหภูมิลดช้าละ เพราะต้องเปลืองพลังงานไปกับการคายความร้อนแฝงนั้น

กลับมาเรื่องลมตะวันตกทำไมคราวนี้ไม่ทำให้หนาวทั้งๆที่ปกติมันเป็นตัวทำให้เหนือหนาวไม่ใช่หรอ ?
ก็ดังที่กล่าวไปข้างต้นครับ ถ้าลมมันพาก้อนอากาศ “ยกขึ้น” อากาศก้อนดังกล่าวก็จะเย็นลงพร้อมๆกับความสามารถในการจุไอน้ำที่ลดลง แล้วก้อนอากาศมันก็จะลอยสูงขึ้น พร้อมๆกับเย็นลงไปเรื่อยๆแล้วกลั่นตัวเป็นเมฆ เพราะงั้นทิศทางของลมจึงมีความสำคัญมากๆที่จะดูว่ามันจะสามารถพอก้อนอากาศขึ้นไปจนทำให้เกิดเมฆ หรือฝนขึ้นได้หรือไม่
ประเด็นคือ ถ้าเกิดหลังจากนั้นมีลมแปรปรวน หรือ มีลมพัดผ่านหน้าเขาท่าไหนไม่รู้ พาก้อนอากาศนั้นกลับลงมา ขากลับนี้มันจะกลายเป็นกระบวนการ Dry adiabatic (กระบวนการกักความร้อนประเภทแห้ง คือไม่ต้องไปเค้นเอาความชื้นออกเหมือนขาขึ้นแล้ว ขาลงเลยเป็นการเพิ่มอุณหภูมิแบบ”กัก”ความร้อนไว้ในก้อนอากาศนั้น ลงมาแบบ “แห้งๆ”เลย) ถ้าเป็นอย่างนี้อุณหภูมิก้อนอากาศก้อนนั้นตอนมาถึงพื้นจะร้อนกว่าตอนขาขึ้นอีกครับ ลองดูภาพด้านล่างประกอบ

จะเห็นได้ว่าในตอนแรกก้อนอากาศอุณหภูมิ 20 องศา ขากลับลงมา ขึ้นถึง 25 องศา หรือก็คือ เพียงแค่การไหลขึ้นลงของอากาศรอบนึงก็ทำให้อุณหภูมิมันสูงขึ้นได้แล้ว

เมื่อวัน 2 ที่ผ่านมาทางภาคเหนือมีลมตะวันตก (NW) ไหลมาความเร็วไม่มากประมาณไม่เกิน 20 km/hr ที่ความสูงประมาณ 2000-3000 m (800-700 hPa) ในขณะที่ลมหนาวจากจีนมาแบบเอื่อยๆ วกมาจากทางอีสาน และลาวบางส่วน (SSE) เพราะระลอกนี้กำลังแรงไม่มาก ประกอบกับภูมิประเทศที่เป็นภูเขาซับซ้อน ความเร็วจึงประมาณ ไม่เกิน 10 km/hr ที่ความสูงตั้งแต่ 1500 m ลงมา
ผมลองเขียนจำลองเหตุการณ์อย่างง่ายให้ดูตามรูปด้านล่างครับ

อนึ่งภาพบน เป็นภาพอย่างง่าย ของจริงลมปั่นป่วน และทิศทางไม่แน่นอนกว่านี้มาก
สรุปง่ายๆ ลมตะวันตกที่ร้อนกว่าปกติมาผิดจังหวะ เข้ามาพร้อมกับลมหนาวกำลังอ่อน(ความเร็วลมต่ำ)พอดี ทำให้ไม่หนาวเท่าที่ควรนั่นเองครับ
ปกติถ้าไม่มีลมหนาวจากจีน และลมตะวันตกจากอินเดียเย็นๆมาโดดๆ ทางเหนือจะหนาวลงครับ เพราะแทนที่จะเป็นการเพิ่มอุณหภูมิแบบกักความร้อนแบบแห้ง (dry adiabatic) จากที่ความสูง 2500 – 3000 m ลงมาหาพื้นราบ เนื่องจากฟ้าโปร่งไม่มีเมฆที่เกิดจากมวลอากาศ 2 มวลชนกัน ความร้อนจากพื้นราบจึงสามารถแผ่รังสีออกไปได้ ทำให้อากาศเย็นจากลมบนไหลลงมาตามภูเขา หาพื้นราบได้ครับ

ส่วนถ้ามันพัดมาจากทางทะเลอันดามันแล้วล่ะก็ ด้วยความที่ความชื้นในอากาศมาก เพราะงั้นอุณหภูมิน้ำค้างจะสูงขึ้น ขอแค่อากาศยกตัวนิดเดียวก็พร้อมเกิดเป็นเมฆ พอเมฆมันควบแน่นได้มากเข้าก็จึงกลายเป็นฝนนั่นเองครับ

แทนที่อากาศจะต้องยกตัวสูงมากเพื่อเกิดเมฆ แต่ด้วยความชื้นที่มากฐานเมฆจึงเลื่อนลงต่ำสะสมกันเป็นเมฆฝนได้
ยิ่งภาคเหนือมีหน้าภูเขาให้ลมปะทะอยู่แล้ว ขอเพียงอากาศยกตัวนิดหน่อยก็ได้เป็นฝนแล้วล่ะครับ
ปล. 2 ผมไม่แน่ใจว่านิยามกรมอุตุ คลื่นกระแสลมตะวันตก กับลมตะวันตกแตกต่างกันอย่างไร แต่ส่วนตัวก็เรียกสลับไปมานี่แหละครับ
มาบอกว่า “ในช่วง 13-17 ธ.ค. ภาคเหนืออุณหภูมิลดลง 3-5 องศา” ซึ่งมันไม่จริงเลย มันมีเมฆครึ้มตลอดวัน และอุณหภูมิลดลงแค่ 1 หรือ 2 เอง
หรืออุตุไทยคิดว่ามันไม่จำเป็น?? แต่มันควรบอก ไม่ใช่ปล่อยให้รอลมหนาวเก้อ แล้วเก้ออยู่ภาคเดียวด้วยนะ กรุงเทพอากาศเย็นกว่าเชียงใหม่ ถถถ
เป็นอะไรที่ผมสงสัยและอยากรู้มานาน แต่ก็หาคำตอบได้ไม่เคลียร์มาตลอด
คำตอบและการอธิบายของคุณทำให้ผมเข้าใจเรื่องลมฟ้าอากาศและการพยากรณ์ได้มากขึ้นครับ
ไม่ใช่แค่ คห. นี้ แต่ทุกการฮธิบายของคุณในกระทู้อื่นๆด้วย มีประโยชน์และความรู้มากๆครับ
ตอบคุณ tclound ผมเองก็ต้องขอบคุณด้วยเช่นกันครับ ที่มีคนตั้งคำถามน่าสนใจแบบนี้ เพราะจะให้นึกคำถามดีๆยังงี้ บางทีผมเองก็นึกไม่ออกเช่นกัน ถ้าอันไหนคิดว่าพอหาคำตอบได้ก็อยากลองคิด และพยายามหาคำตอบให้ได้เหมือนกันครับ สนุกดี
ปล. ที่ตอบใน 10-3 มีแก้บางส่วนนะครับ นั่งคิดนอนคิดไปๆมาๆ รู้สึกที่เขียนไปตอนแรกมันมีที่ตะหงิดๆอยู่ แก้คราวนี้เหตุผลน่าจะพอลงตัวทุกอย่างแล้ว ขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆอีกทีละกันครับ
ถ้ามีมวลอากาศ 2 ก้อนมาชนกัน ต้องมีสักก้อนมุดลง และอีกก้อนยกขึ้น (ก้อนที่ร้อนกว่าย่อมหนาแน่นน้อยกว่าเลยยก ส่วนก้อนที่เย็นกว่าจะมุดลง) ซึ่งจะทำให้เกิดเมฆ หรือไม่ก็ฝนได้ครับ (ขึ้นกับความชื้นของก้อนร้อน และความสูงที่มันยกตัวขึ้นไป) พอเกิดเมฆจะทำให้พื้นดินไม่สามารถคายความร้อนแบบแผ่รังสีขึ้นไปบนฟ้าได้ เพราะเมฆบังอยู่ (ในทางกลับกันตอนกลางวันก็ไม่ร้อนมากเพราะเมฆบังไว้เช่นกัน) ส่วนถ้ามีภูเขาอย่างบริเวณภาคเหนือ การไหลของอากาศเย็นจากยอดเขาจะไม่เกิดขึ้น เกิดเป็นวงจรที่ทำให้อากาศอุ่นขึ้นได้ ดังที่เขียนใน 10-3 ครับ
ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ตอนแรกเขียนผิดไปบางจุด ผมเบลอๆไปเอง
หืออ อีสานคือหนาวโหดมาก ภาคกลางเย็นกว่าภาคเหนืออีกครับ ล่าสุด
พอฝั่งบนๆของไทยหนาว ฝั่งใต้ก็เข้าฤดูมรสุม
ยิ่งตอนบนหนาวเท่าไหร่ บ้านผมก็ยิ่งมรสุมแรงเท่านั้น 😅
เจออากาศเย็น หรือ หนาว เมื่อไหร่
ภาคใต้เตรียมตัวฝนกระหน่ำได้เลย
ความคิดเห็นที่ 13-2 หนาวถึงประจวบ แต่ชุมพร สุราษ นครฯ ไม่หนาว แถมเจอฝนหนักอีกครับ
ถ้าลมหนาวกำลังปานกลาง เหมือนช่วงก่อน ภาคใต้ฝนจะหนักมาก สังเกต แถบระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตอนนี้ฟ้าใสแบบภาคเหนือ แต่เมฆจะเยอะกว่า ไม่ถึงกับไร้เมฆแบบภาคเหนือ ฝนจะเลื่อนไปตกหนักแถบมาเลเซีย ภาคใต้ตอนล่างแถบ ยะลา ปัตตานี นราธิวาสแทน
พอดีเห็นว่าเป็นคนจังหวัดสุโขทัย
จะมาถามเรื่องสุโขทัย
ส่วนตัวยังไม่เคยไปจังหวัดนี้
เลยไม่รู้สภาพวัฒนธรรม สำเนียงของแถวนี้มาก
เอาอย่างแรกเลยคือ ผู้คน วัฒนธรรม
ออกไปทางไหน ทางเหนือ หรือ ทางภาคกลาง
หรือ ทั้งเหนือผสมปนเปกับภาคกลาง
ส่วนสำเนียงสุโขทัย ฟังแล้วน่ารักดี
เคยเจอคนสุโขทัย รู้สึกว่าเขาจะพูดเหน่อ
เหน่อแบบโทนเสียงไม่เหมือนแถวอื่นนะ
ไม่เหมือนโคราช ไม่เหมือนสุพรรณ
เลยสงสัยว่า คนสุโขทัยทั่วไปนี่
พูดสุโขทัยกันทั่วจังหวัดหรืเปล่า
หรือ แค่บางพื้นที่
แล้วแต่ละพื้นที่นี่ แตกต่างกันมากน้อยป่าวครับ
“เอาอย่างแรกเลยคือ ผู้คน วัฒนธรรม
ออกไปทางไหน ทางเหนือ หรือ ทางภาคกลาง
หรือ ทั้งเหนือผสมปนเปกับภาคกลาง
”
ตอบ สุโขทัยแบ่งเป็นเหนือกับล่าง ถ้าเป็นตอนล่าง คือ อ.เมืองสุโขทัย บ้านด่านลานหอย คีรีมาศ กงไกรลาศ ศรีสำโรง ศรีนคร สวรรคโลก รวมถึงศรีสัชนาลัย (เฉพาะตำบลท่าชัยและตำบลศรีสัชนาลัย) จะมีวัฒนธรรมเป็นแบบ “ภาคกลาง” เลยครับ วิถีชีวิตชาวบ้านก็คือคนภาคกลางดี ๆ นี่เอง สำหรับภาษานั้นจะพูดภาษาไทยสำเนียงสุโขทัย (และภาษากลาง)
ทีนี้ตอนบนก็จะมี อ.ทุ่งเสลี่ยม และศรีสัชนาลัย (ตำบลที่เหลือทั้งหมด) จะมีวัฒนธรรมเป็นภาคเหนือครับ เพราะทุ่งเสลี่ยมจะติดกับลำปาง และศรีสัชนาลัยจะติดกับแพร่ ทำให้มีวัฒนธรรมแบบภาคเหนือ และพูดภาษาเหนือ (กำเมือง)
เพิ่มเติมครับ คนบางพื้นที่ของอ.ศรีสัชนาลัยจะมีวิถีชีวิตแบบลาวพวน และพูดภาษาลาวพวนด้วยครับ
ส่วนสำเนียงสุโขทัย ฟังแล้วน่ารักดี
เคยเจอคนสุโขทัย รู้สึกว่าเขาจะพูดเหน่อ
เหน่อแบบโทนเสียงไม่เหมือนแถวอื่นนะ
ไม่เหมือนโคราช ไม่เหมือนสุพรรณ
ตอบ คนทุกภาคที่เจอผมพูดสำเนียงสุโขทัย ก็จะตะลึงหรืองงไม่มากกก็น้อยครับ เพราะสำเนียงสุโขทัยนั้น ไม่ได้ถูกพูดถึงเลยในสื่อหลัก (คนทั้งประเทศเคยได้ยินน้อยมาก ๆ หรือไม่เคยได้ยินเลย)
สำเนียงสุโขทัยจะแบบเป็น 2 แบบ คือแบบเก่าและแบบใหม่ ถ้าเป็นแบบเก่าคือคนแก่จะพูดกันครับ กล่าวคือจะมีคำศัพท์เฉพาะเยอะมาก (ซึ่งคำศัพท์เท่าที่เคยฟังนั้นจะเป็นคำภาษาเหนือ+ลาว อาจจะเพราะว่าอยู่กลาง ๆ เลยรับมาทั้ง 2 ที่) ส่วนแบบใหม่นั้นก็คือคนรุ่นใหม่ เด็ก วัยรุ่นก็จะพูดสำเนียงสุโขทัยแบบใหม่กัน (รวมถึงผมด้วย) คือจะมีแค่สำเนียงเฉย ๆ ส่วนคำศัพท์นั้นไม่ค่อยเน้นครับ (ไม่ได้ใช้คำเมืองเหนือหรือลาว)
เทียบเหน่อสุโขทัยกับสุพรรณ ไม่เหมือนกันตรงที่ สำเนียงสุโขทัยจะพูดเร็วและห้วนกว่าสุพรรณมาก ๆ และมีคำลงท้ายเยอะกว่ามากด้วยครับ
และถ้าเทียบกับสำเนียงโคราช จะไม่เหมือนตรงเสียงวรรณยุกต์ครับ
เช่น คำที่สะกดด้วยแม่ กด เช่นคำว่า พิษ คนสุโขทัยจะออกเสียงเป็นคำว่า “พิด (เสียงวรรณยุกต์นี้ไม่มีในภาษากลาง ซึ่งเป็นวรรณยุกต์ที่ก้ำกึ่งระหว่างเสียงโทกับตรี แต่ก็ไม่ใช่ทั้งคู่ ถ้าคุณเคยฟังก็อาจจะพอเดาออก)” แต่คนโคราชจะพูดว่า “ผิด”
แต่เอกลักษณ์ของสำเนียงสุโขทัยคือ การสลับวรรณยุกต์เอกกับจัตวาครับ ซึ่งทำให้คนภาคอื่นพูดสำเนียงสุโขทัยได้ยาก หรือต้องใช้ความพยายามในการพูดมาก หากไม่ได้พูดมาแต่เด็ก คือ หากเสียงภาษากลางเป็นเสียง เอก จะเปลี่ยนเป็น จัตวา และหากเสียงภาษากลางเป็นเสียงจัตวา จะเปลี่ยนเป็นเสียง เอก รวมถึงเสียงโท ให้เปลี่ยนเป็นเสียง กึ่งโทกึ่งจัตวาด้วย (ภาษากลางไม่มี)
เช่น เสือ >> เสื่อ (แปลว่า สัตว์ชนิดหนึ่ง) เสียง >> เสี่ยง สอง >> ส่อง สี สี่
ก่อ >> ก๋อ สี่ >> สี หมู่ >> หมู ขัน >> ขั่น ไข >> ไข่
ไม่ว่าจะพูดภาษาอะไรก็ตาม หากเสียงวรรณยุกต์เข้าเกณฑ์ที่จะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้เลย ซึ่งจะกลายเป็นสำเนียงสุโขทัยโดยอัตโนมัติครับ
แต่ … ก็ยกเว้นได้ สำเนียงสุโขทัยแถบกงไกรลาศ บ้านด่านลานหอย หากพูดคำว่า พ่อ แม่ พี่ ก็จะเป็น ผอ แม๋ ผี แบบนี้ แต่ถ้าเป็นสำเนียงคนทางเหนืออย่างสวรรคโลก ศรีสัชนาลัย (ต.ท่าชัยและศรีสัชนาลัย) จะพูดว่า พ่อ แม่ พี่ ตามภาษากลาง แต่จะพูดให้ห้วนขึ้นครับ
ท่าเป็นสำเนียงต.ท่าชัย (อ.ศรีสัชนาลัย) คำศัพท์ที่เป็น ช.ช้างทั้งหมด จะเปลี่ยนให้เป็น ซ.โซ่ เช่นคำว่า ช้าง ก็เป็น ซ้าง เชือก ก็เป็น เซือก
ฉะนั้น ก็เป็น สะนั้น
จริง ๆ รายละเอียดเยอะมากครับ คงต้องมานั่งฟังจริงจัง ไม่งั้นคงไล่ไม่หมด 5555555
ถึงจะไม่ได้ละเอียดมากนัก แค่นี้ก็ดีมากโขแล้ว
ทำให้นึกภาพออกเลย
ภาคกลางตอนบน เหนือตอนล่างอ่ะ
พวกสุโขทัย พิจิตร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก
น่าสนใจดีออกก
คิดว่าถ้าได้ไปโซนนั้น
จะไปสุโขทัยนี่แหละเป็นที่แรก
ยังไงก็เล็งไว้แล้ว ต้องไปให้ได้
หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปในอนาคตครับ
![]()













ดูจากภาพนั้น ภาคอีสานมีอากาศเย็นถึงหนาวเกือบทั่วไป ซึ่งถ้าไปดูอุณหภูมิที่วัดโดยกรมอุตุก็จะเห็นภาพมากขึ้นคืออยู่ในช่วง 15-17 องศา
แต่ภาคเหนือนั้น… ยังไม่มีอะไรเลย ยังอยู่ในช่วง 23-18 องศาเท่านั้น
เชียงรายนี่พอสูสีกับอีสานได้ บ้าง แต่ก็สู้ไม่ได้ในช่วงนี้
เชียงใหม่นี่…. เป็นแบบนี้ทุกปี พื้นที่ที่อุ่นที่สุดของภาคเหนือตอนบน ผมที่อยู่อ.เมืองเชียงใหม่เริ่มปลงละ ที่ไม่หนาวกับเขาเลย แถมจะหนาวก็ตั้ง 19 ธ.ค. ตายละ
พะเยาก็คล้ายเชียงราย เพราะติดกัน
ภาคเหนือตอนล่าง ก็อุ่นมากตามปกติของภาคเหนือตอนล่าง จุดอับลมหนาวของไทยตอนบน
ภาคอีสานนี่ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก หนาวจัด หนาวจริง เผลอ ๆ คงมีเลขตัวเดียวด้วย
13 ธันวาคม เวลา 16:31 น.