วันที่ 24 ก.ค.67 นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.ในฐานะผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีทำผิดจริยธรรมร้ายแรงประเด็นการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุติไต่สวน และให้คู่กรณีแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือ ตนฐานะผู้ร้องจะยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญตามกำหนดเวลา โดยรายละเอียดจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นและวินิจฉัยได้ว่า นายเศรษฐามีความผิดหรือไม่ ในประเด็นรู้หรือควรรู้ว่าการนำชื่อบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามทั้งที่รู้หรือควรรู้นั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับประเด็นที่เคยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คือ นายเศรษฐา ,นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ อดีตนายกสภาทนายความ
นายสมชาย กล่าวว่า หากศาลได้ไต่สวนจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในขั้นตอนธุรการ ตามที่อ้างว่าเป็นเรื่องของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจคุณสมบัติตามขั้นตอนราชการ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจลงนามด้วย ส่วนกรณีของนายปกรณ์นั้น คือ การทำหนังสือสอบถามกฤษฎีกาที่พบว่าสอบถามแค่ครั้งแรก และเลือกถามแค่บางข้อ ทั้งที่ในวิสัยแล้วต้องถามให้ครบทั้งมาตรา ดังนั้นการเลือกถามจึงเป็นความผิดปกติ ส่วนประเด็นของนายเดชอุดมเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถอดใบอนุญาตทนายความ ซึ่งเป็นการพิจารณาตามที่เลขาธิการศาลยุติธรรมสมัยนั้นทำหนังสือให้พิจารณา เพราะมีกรณีของถุงขนม 2 ล้านบาท ซึ่งคำสั่งศาล ที่เทียบเท่าคำพิพากษาให้จำคุก
“การที่เลขาธิการศาลยุติธรรม มีหนังสือส่งไปสภาทนายความพิจารณาถอนใบอนุญาตทนายความ จนถึงตอนนี้ นายพิชิต และพวก รวม 3 คน ยังไม่ได้รับการคืนใบอนุญาตจากสภาทนายความ แม้นายพิชิตจะมีการฟ้องศาลปกครองในกรณีขอคืนใบอนุญาตทนายความ แต่ศาลปกครองได้พิพากษายืนตามสภาทนายความ ดังนั้นจะชี้ให้เห็นว่าเป็นการทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริงหรือไม่
คำแถลงปิดคดีของผมจะชี้ให้เห็นว่านายเศรษฐานั้นทำผิดอย่างไร จึงเสนอให้ศาล พิจารณาสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งจะทำให้ ครม.พ้นไปทั้งคณะด้วย แต่ในวันที่ศาลวินิจฉัยจะมีผลไปในทางใดผมพร้อมเคารพ ส่วนตัวเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในขั้นตอนทำคำแถลงปิดคดีจะทำให้รัดกุมชี้ให้เห็นทุกกรณี เชื่อมั่นว่านายเศรษฐาน่าจะมีความผิด” นายสมชาย กล่าว
#ข่าววันนีั #ศาลรัฐธรรมนูญ #เศรษฐา #สมชายแสวงการ