สรุปทุกคำสั่งที่ “ทรัมป์” ลงนามในวันแรกของการเป็นประธานาธิบดี : PPTVHD36

Source: สรุปทุกคำสั่งที่ “ทรัมป์” ลงนามในวันแรกของการเป็นประธานาธิบดี : PPTVHD36

โดยPPTV Online

เผยแพร่ 

หลังสาบานตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ลงนามในคำสั่งหลายฉบับ มาดูกันว่า มีคำสั่งอะไรบางที่สำคัญ และมีผลอย่างไร?

ในวันแรกของการกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในวันที่ 20 ม.ค. เขาได้ทำตามสัญญา ด้วยการลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) จำนวนมาก

เรื่องนี้ตรงนี้กับที่ทรัมป์บอกไว้ตั้งแต่ตอนหาเสียงว่า เขาจะขอเป็น “เผด็จการ 1 วัน” คือแค่ในวันแรกของการทำงาน และเขาให้สัญญาในสุนทระจน์หลังพิธีสาบานตนว่า คำสั่งเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อ “ฟื้นฟูอเมริกาให้สมบูรณ์”

 

คอนเทนต์แนะนำ
เริ่มเลย! “โดนัลด์ ทรัมป์” ยกเลิกคำสั่ง “ไบเดน” 78 ข้อ-ถอนตัวข้อตกลงปารีส
“โดนัลด์ ทรัมป์” กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตน ลั่น “ทุกประเทศต้องอิจฉาสหรัฐฯ”
สาบานตนสมัย “โดนัลด์ ทรัมป์” จุดเริ่มต้น “ยุคทองของอเมริกา”

 

 

สรุปทุกคำสั่งที่ “ทรัมป์” ลงนามในวันแรกของการเป็นประธานาธิบดีAFP/ANGELA WEISS
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

 

มาดูกันว่า ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งสำคัญ ๆ อะไรบ้าง และมีผลอย่างไร?

ยุติการให้สัญชาติโดยกำเนิด

ควบคู่ไปกับคำสั่งที่เน้นเรื่องการย้ายถิ่นฐาน ทรัมป์สั่งยกเลิกการให้สัญชาติโดยอัตโนมัติแก่บุตรของผู้อพยพผิดกฎหมายที่เกิดในแผ่นดินสหรัฐฯ โดยจะเริ่มภายใน 30 วันนับจากวันนี้

คำสั่งระบุว่า จะจำกัดการให้สัญชาติโดยกำเนิดหาก “แม่ของบุคคลนั้นอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย และพ่อไม่ใช่พลเมืองสหรัฐฯ หรือผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกกฎหมายในขณะที่บุคคลนั้นเกิด” หรือ “เมื่อการอยู่อาศัยของแม่ของบุคคลนั้นในสหรัฐอเมริกาในขณะที่บุคคลนั้นเกิดนั้นถูกกฎหมายแต่เป็นการชั่วคราว”

คำสั่งนี้มีผลปฏิเสธเอกสารรับรองการเป็นพลเมืองสหรัฐฯ สำหรับบุคคลที่เข้าเกณฑ์ข้างต้น และเกิดในสหรัฐฯ 30 วันหลังจากการลงนามคำสั่ง

ออกจากองค์การอนามัยโลก

ทรัมป์ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยระบุว่า “องค์การอนามัยโลกฉ้อโกงเรา ทุกคนฉ้อโกงสหรัฐฯ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป”

เขายังกล่าวหาว่า WHO จัดการกับการระบาดของโควิด-19 และวิกฤตด้านสุขภาพระหว่างประเทศอื่น ๆ ไม่ดี

คำสั่งนี้จะมีผลให้สหรัฐฯ ออกจาก WHO ในอีก 12 เดือนข้างหน้าและหยุดการบริจาคเงินทั้งหมดให้กับงานของ WHO ซึ่งที่ผ่านมา สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่สุดของ WHO

เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก

ทรัมป์ลงนามสั่งเปลี่ยนชื่อ 2 ชื่อ ได้แก่ อ่าวเม็กซิโกและภูเขาเดนาลีในอะแลสกา

โดยเขาสั่งให้เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น “อ่าวอเมริกา” (Gulf of Ameria) และเปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลีในอะแลสกาเป็นภูเขาแม็กคินลีย์ ตามชื่อของอดีตประธานาธิบดี วิลเลียม แม็กคินลีย์ ซึ่งทรัมป์ยกย่องว่าเป็นผู้นำที่ “ทำให้ประเทศของเราร่ำรวยมากด้วยภาษีศุลกากรและความสามารถ”

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่มีผลต่อชื่อที่ใช้ในระดับนานาชาติ

เพิกถอนเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า

ทรัมป์เพิกถอนคำสั่งซึ่งลงนามโดยไบเดน ที่ตั้งเป้าหมายให้รถยนต์ใหม่ครึ่งหนึ่งที่ขายในปี 2030 ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

ทรัมป์บอกว่า “สหรัฐอเมริกาจะไม่ทำลายอุตสาหกรรมของเราเองในขณะที่จีนปล่อยมลพิษโดยไม่ต้องรับโทษ”

เขากล่าวในสุนทรพจน์หลังพิธีสาบานตนว่า “เราจะเพิกถอนคำสั่งรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์ของเรา และรักษาคำมั่นสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของผมที่มีต่อคนงานรถยนต์ชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณจะสามารถซื้อรถยนต์ที่คุณเลือกได้”

ทรัมป์กล่าวอีกว่า “เราจะผลิตรถยนต์ในอเมริกาอีกครั้งในอัตราที่ไม่มีใครเคยฝันว่าจะเป็นไปได้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และขอขอบคุณคนงานรถยนต์ในประเทศของเราสำหรับคะแนนเสียงที่สร้างแรงบันดาลใจของคุณ เราทำได้อย่างมากด้วยคะแนนเสียงของพวกเขา”

จัดประเภทพนักงานของรัฐบาลกลางใหม่ ทำให้ไล่ออกได้ง่ายขึ้น

คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์จัดประเภทพนักงานของรัฐบาลกลางหลายพันคนใหม่ ให้เป็นพนักงานการเมือง ทำให้พวกเขาถูกไล่ออกได้ง่ายขึ้นมาก

นี่เป็นคำสั่งฝ่ายบริหารที่เขาลงนามในปีสุดท้ายเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมัยแรก โดยมุ่งหวังที่จะจัดประเภทพนักงานของรัฐบาลกลางหลายหมื่นคนใหม่ แต่ไบเดนได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว

ผู้ช่วยคนสำคัญของทรัมป์เรียกร้องให้ไล่คนออกจากรัฐบาลกลางจำนวนมาก โดยเรียกร้องให้ไล่ข้าราชการที่ถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือทางการเมืองออก และแทนที่ด้วยกลุ่มอนุรักษ์นิยม

การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน

ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งรวมถึงการยกเลิกข้อจำกัดในการขุดเจาะในอะแลสกาและยกเลิกการหยุดส่งออกก๊าซ

ทรัมป์บอกว่า คำสั่งนี้หมายความว่า “คุณสามารถทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหานั้น และเรามีสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนั้น” โดยจะช่วยให้รัฐบาลของเขาสามารถเร่งการออกใบอนุญาตสำหรับโครงสร้างพื้นฐานเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ได้

ประธานาธิบดีกล่าวในสุนทรพจน์ว่า “วันนี้ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานระดับชาติ เราจะขุดเจาะ และขุดเจาะ”

เขาบอกว่า “อเมริกาจะกลับมาเป็นประเทศผู้ผลิตอีกครั้ง และเรามีสิ่งที่ประเทศผู้ผลิตอื่น ๆ ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ ปริมาณน้ำมันและก๊าซที่มากที่สุดในโลก และเราจะใช้มัน เราจะลดราคาลง เติมสำรองเชิงยุทธศาสตร์ของเราให้เต็มอีกครั้ง และส่งออกพลังงานของอเมริกาไปทั่วโลก เราจะกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยอีกครั้ง”

ยอมรับเพศเพียงสองเพศ

ทรัมป์ลงนามในคำสั่งเพื่อลบ “แนวทางอุดมการณ์ทางเพศ” ออกจากการสื่อสาร นโยบาย และแบบฟอร์มของรัฐบาลกลาง คำสั่งดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ มีนโยบายอย่างเป็นทางการว่า “มีเพียงสองเพศ คือ ชายและหญิง”

ทรัมป์กล่าวว่า “หน่วยงานต่าง ๆ ต้องหยุดแสร้งทำเป็นว่าผู้ชายสามารถเป็นผู้หญิงและผู้หญิงสามารถเป็นผู้ชายได้เมื่อบังคับใช้กฎหมายที่ปกป้องการเลือกปฏิบัติทางเพศ”

คำสั่งดังกล่าวจะพลิกกลับคำสั่งของฝ่ายบริหารในยุคของไบเดนเกี่ยวกับการยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศ

เลื่อนการแบน TikTok

ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อชะลอการบังคับใช้การแบน TikTok ของรัฐบาลกลางชั่วคราวเป็นเวลาอย่างน้อย 75 วัน

ทรัมป์สั่งให้อัยการสูงสุดไม่บังคับใช้กฎหมายที่กำหนดให้ขาย TikTok แก่บริษัทสัญชาติอเมริกัน ทรัมป์กล่าวว่า การหยุดชั่วคราวนี้ช่วยให้มีเวลาในการวางแผน “แนวทางที่เหมาะสม” เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติและไม่ปิดแอปยอดนิยมนี้อย่างกะทันหัน

ในสมัยแรกของเขา ทรัมป์สนับสนุนการแบน TikTok แต่หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนจุดยืนเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงความนิยมของตัวเขาเองในหมู่ผู้ใช้แอปฯ

ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 78 ฉบับของไบเดน

ทรัมป์สั่งให้ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหาร 78 ฉบับในยุคของไบเดน รวมถึงมาตรการอย่างน้อย 12 ฉบับที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและต่อต้านการเลือกปฏิบัติต่อเกย์และคนข้ามเพศ

คำสั่งดังกล่าวเป็นสัญญาณของการพลิกกลับนโยบายในยุคของไบเดนที่ให้ความสำคัญกับการนำมาตรการความหลากหลายมาใช้ทั่วทั้งรัฐบาลกลาง ทรัมป์ได้ยกเลิกคำสั่งที่ลงนามโดยไบเดนเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเชื้อชาติสำหรับชุมชนที่ด้อยโอกาสและคำสั่งที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการต่อต้านการเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของอัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศ

ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ชายแดน

ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งเพื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ ที่ติดกับเม้กซิโก รวมถึงนโยบายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการย้ายถิ่นฐานอีกหลายฉบับ

การดำเนินการนี้เป็นการเปิดทางให้ส่งทหารสหรัฐฯ ไปยังชายแดนทางใต้ โดยชุมชนผู้อพยพทั่วประเทศกำลังเตรียมรับมือกับคำสัญญาของทรัมป์ที่จะดำเนิน “โครงการเนรเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา”

อภัยโทษจลาจล 6 มกราคม 2021

ทรัมป์ออกคำสั่งอภัยโทษให้กับผู้กระทำความผิดและการลดโทษที่เกี่ยวข้องกับการบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เขาจะสั่งให้กระทรวงยุติธรรมยกฟ้องคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการด้วย

โดยการอภัยโทษครั้งนี้จะครอบคลุมผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา 1,500 คน ซึ่งดูเหมือนว่าจะครอบคลุมเกือบทุกคนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา

การลงนามดังกล่าวยังมีผลให้ยุติคดีความเกือบ 1,600 คดีที่เกิดจากการจลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยสั่งให้กระทรวงยุติธรรมยกเลิกคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาประมาณ 300 คดี และสั่งให้ปล่อยตัวจำเลยอีก 14 คนที่ถูกตั้งข้อหาในคดีกบฏ

ทรัมป์ยังลดโทษให้กับกลุ่มหัวรุนแรงขวาจัด 14 คนจากกลุ่ม Oath Keepers และ Proud Boys ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดหรือถูกตั้งข้อหาสมคบคิดก่อกบฏ การลดโทษจะปูทางให้พวกเขาได้รับการปล่อยตัวจากคุกในเร็ว ๆ นี้

ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส

ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีสปี 2015 พร้อมกับจดหมายแจ้งการตัดสินใจดังกล่าวต่อสหประชาชาติ

ทรัมป์บอกว่า “ผมขอถอนตัวทันทีจากข้อตกลงปารีสด้านสภาพอากาศที่ไม่เป็นธรรมและลำเอียง”

ก่อนหน้านี้ในปี 2017 ทรัมป์เคยถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสแล้ว แต่เมื่อไบเดนเข้ารับตำแหน่งในปี 2021 เขาก็นำสหรัฐฯ หลับเข้าร่วมอีกครั้ง

การถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของทรัมป์ในการย้อนกลับนโยบายการปกป้องสภาพอากาศ ทรัมป์ได้อธิบายความพยายามของไบเดนในการเติบโตของภาคส่วนพลังงานสะอาดของสหรัฐฯ ว่าเป็น “การหลอกลวงสีเขียว”

 

เรียบเรียงจาก The Guardian

Leave a Reply

The maximum upload file size: 500 MB. You can upload: image, audio, video, document, spreadsheet, interactive, other. Links to YouTube, Facebook, Twitter and other services inserted in the comment text will be automatically embedded. Drop file here